กลุ่มคนร้าย 8 คน ปล้นทองห้างบิ๊กซี สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จอดรถทิ้งไว้ในสวนปาล์ม อ.แว้ง ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย เชื่อวางแผนอย่างดี แม่ทัพภาค 4 เชื่อไม่เกี่ยวรับน้อง ด้านอาการสิบเอกถูกยิงอาการคงที่ ส่งไปรักษาต่อที่ รพ.มอ. หาดใหญ่
จากกรณีที่เกิดเหตุกลุ่มคนร้าย 8 คน บุกปล้นร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 18.29 น. วันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ทองรูปพรรณไปกว่า 100 บาท อีกทั้งยังใช้อาวุธปืนยิง ส.อ.บุริศวร์ ระดาชัย สังกัดหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย นอกจากนี้คนร้ายยังได้วางวัตถุต้องสงสัยเป็นถังแก๊สที่บริเวณถนนหน้าจุดกลับรถ พร้อมโปรยตะปูเรือใบบนถนน เพื่อสกัดกั้นการติดตามของเจ้าหน้าที่ ซึ่งรถกระบะที่ใช้เป็นยานพาหนะที่ใช้พบว่าปล้นไปจากบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 4 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ก่อนนำไปใช้ก่อเหตุดังกล่าว
วันนี้ (6 ต.ค.) พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า คดีนี้คนร้ายมีการวางแผนมาอย่างดี ไม่ใช่การปล้นทรัพย์ทั่วไป โดยพื้นที่ก่อกิดเหตุแบ่งเป็น 3 จุดหลักสำคัญ ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี อ.สุไหงโกลก และ อ.แว้ง โดยคนร้ายแบ่งกันปฏิบัติการ เริ่มจากการปล้นรถยนต์จากชาวบ้านที่ อ.สุไหงปาดีก่อน เมื่อได้รถยนต์มาก็นำมาก่อเหตุปล้นทองที่ร้านทองในห้างบิ๊กซี สุไหงโกลก ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่าคนร้ายมีกี่คน โดยคนร้ายใช้รถยนต์ 2 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 2 คัน รวมรถที่ใช้ทั้งหมด 4 คัน เป็นยาพานะในการก่อเหตุ โดยใช้เวลาปล้นประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงหลบหนีไปเส้นทางสุไหงปาดี-แว้ง โดยคนร้ายนำรถไปจอดทิ้งไว้ยังบริเวณสวนปาล์มรอยต่อบ้านตอออ และบ้านฆอเลาะทูวอ อ.แว้ง ซึ่งห่างจากชายแดนไทย-มาลาเซีย ประมาณ 1 กิโลเมตร
จากนั้น พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ ตรวจสอบรถกระบะ 2 คัน ที่จอดทิ้งไว้ภายในสวนปาล์ม บริเวณพื้นที่รอยต่อบ้านตอออ และ บ้านฆอเลาะทูวอ อ.แว้ง ห่างจากชายแดนไทย-มาเลเซีย ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ได้เข้าตรวจสอบโดยละเอียด เพื่อรวบรวมวัตถุพยายขยายผลติดตามกลุ่มคนร้ายต่อไป ส่วนคนร้ายจะหลบหนีข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ยังไม่ขอสรุปในตอนนี้
พล.ท.นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องติดตามอยู่ และเร่งสืบสวนมูลเหตุว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ หรือเพื่อหวังทรัพย์สิน ส่วนกรณีทหารที่เข้าไประงับเหตุถูกยิงหลายนัดนั้น ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ส่วนการก่อเหตุครั้งนี้รับแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่หรือไม่ เห็นว่าไม่เกี่ยวกัน ยืนยันว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งติดตามตัวคนร้าย เชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกับผู้ก่อเหตุความไม่สงบที่แต่อยู่นอกระบบสั่งการ
ด้าน พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้หน่วยกำลังในพื้นที่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ และทหาร เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ หน่วยกำลังทุกหน่วยเข้ากดดันเต็มพื้นที่ ทั้งในพื้นที่ป่าเขา และในเขตเมือง ปฏิบัติตามแผนป้องกันเมืองเศรษฐกิจ ในระดับเตรียมพร้อม 100 % และเน้นย้ำหน่วยป้องกันชายแดน เพิ่มความเข้มการปฏิบัติตามแนวชายแดน ไทย-มาเลเซีย เพื่อป้องกันการหลบหนี เพ่งเล็งยานพาหนะที่ก่อเหตุ บุคคลต้องสงสัย รวมถึงเส้นทางที่อาจใช้ในการหลบหนี ตลอดจนประสานขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านในการติดตามคนร้าย และรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงการติดตามทางกล้องวงจรปิด เพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการสร้างสถานการณ์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนเจตนาที่ชัดเจนของผู้ก่อเหตุในการใช้ความรุนแรงเพื่อหวังประโยชน์ทางการเงิน เพื่อมาหล่อเลี้ยงกลุ่มขบวนการของตน โดยมิได้คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งจากการตรวจสอบและวิเคราะห์พฤติกรรมย้อนหลัง พบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้การปล้น ลักทรัพย์ และจี้ชิงทรัพย์เพื่อนำเงินมาใช้ในการก่อเหตุรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้ออาวุธ วัสดุประกอบระเบิด ยานพาหนะเพื่อทำระเบิด และใช้ในการก่อเหตุร้าย โดยที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุลักษณะต่อระบบเศรษฐกิจ เช่น ปล้นตู้ ATM หลายจุดในวันเดียว ปล้นห้างทอง ซึ่งรูปแบบการก่อเหตุเป็นลักษณะเดียวกัน
โดยสิ่งบอกเหตุแสดงว่ากลุ่มขบวนการขาดเงินทุนในการก่อเหตุ เป็นผลจากการที่เจ้าหน้าที่ เข้าดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเส้นทางการเงินซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มขบวนการ อาทิ ภัยแทรกซ้อนที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น ยาเสพติด สินค้าที่ผิดกฎหมาย และ น้ำมันเถื่อน ซึ่งเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มขบวนการ จึงเป็นสิ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าว มิได้กระทำตามอุดมการณ์ที่อ้างต่อพี่น้องประชาชน เป็นเพียงกลุ่มโจรซึ่งกระทำทุกอย่างเพียงประโยชน์ของกลุ่มตนเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนและระบบเศรษฐกิจ
ด้านนายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงการช่วยเหลือเยียวยา ว่า จะมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ ร้านทองที่เกิดเหตุ และส่วนที่เป็นภาคเอกชน มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เข้ามาดูข้อมูลเอกสารหลักฐานเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการต่อไป ส่วนการเยียวยาของภาครัฐ มี 2 ส่วน คือ กรณีที่เป็นทรัพย์สินเสียหาย สามารถเยียวยาได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ กรณีการเยียวยาผู้บาดเจ็บ จะเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์รับรองระดับของความบาดเจ็บ จากนั้น เข้าสู่กระบวนการเยียวยาในส่วนของตัวเงินต่อไป สำหรับมูลค่าทองคำ ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ ต้องมีการสืบสวนสอบสวนกันอีกครั้ง
สำหรับอาการ ส.อ.บุริศวร์ ระดาชัย เบื้องต้นมีอาการบาดเจ็บ กระสุนเข้าบริเวณสะบักซ้าย 3 แผล ลำคอซ้าย 1 แผล มีแผลที่หน้าอกขวา แผลเหนือหัวเข่าต้นขาขวา ลงมาจนถึงเหนือหัวเข่าอีก 2 แผล แพทย์ให้การรักษา โชคดีกระสุนไม่ได้ถูกจุดสำคัญ และอาการโดยรวมยังคงที่ สามารถพูดคุยตอบโต้ได้เป็นปกติ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุไหงโกลก เบื้องต้นเตรียมส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยนายวีรพัฒน์ ได้มอบกระเช้าความห่วงใยพร้อมชื่นชมให้กำลังใจในความกล้าหาญของ ส.อ.บุริศวร์ ที่ได้ยิงต่อสู้กับคนร้ายจนได้รับบาดเจ็บ พร้อมให้คณะแพทย์ดูแลรักษาอาการอย่างใกล้ชิด