xs
xsm
sm
md
lg

จำคุกตลอดชีวิต "จ่าเอ็ม" คดียิง "ลิม กิมยา" ฝ่ายค้านกัมพูชาดับย่านถนนข้าวสาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ศาลอาญาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "จ่าเอ็ม" จำเลยคดียิง "ลิม กิมยา" นักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิตย่านถนนข้าวสาร พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ภรรยา 1.79 ล้านบาท ส่วนคนขับรถรับจ้างไปส่งที่คลองหาด จ.สระแก้ว ศาลยกฟ้อง เพราะไม่ปรากฎว่ามีเจตนาพิเศษ และค่าจ้างไปส่งเป็นราคาสมเหตุสมผล

วันนี้ (3 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม จำเลยในคดียิงนายลิม กิมยา (Lim Kim Ya) อดีตสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านพรรคกู้ชาติกัมพูชา วัย 74 ปี เสียชีวิตมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา บริเวณถนนสิบสามห้าง ข้างวัดบวรนิเวศวิหาร ใกล้ถนนข้าวสาร แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต พร้อมค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วม คือ นางอานน์ มารี อ็องเดร ครูช ภรรยาผู้ตาย เป็นเงิน 1,790,599 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้อง (30 ก.ย.) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

โดยศาลเห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมา รับฟังได้ว่านายเอกลักษณ์เป็นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย โดยมีเจตนาฆ่าผู้ตายให้ถึงแก่ความตาย อันเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 83, 371, 376 พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองฯ เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 8 เดือน และฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน แต่นายเอกลักษณ์ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง

ส่วนนายชาคิต หรือ ชำนาญ บัวปลี จำเลยที่ 2 อาชีพขับรถรับจ้าง ที่นายเอกลักษณ์ว่าจ้างจาก จ.ชลบุรี ให้ไปส่งที่ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ในราคา 4,500 บาท ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากค่าจ้างไปส่งเป็นราคาที่สมเหตุสมผล และไม่ปรากฏว่านายชาคิตมีเจตนาพิเศษ หรือรู้อยู่แล้วว่านายเอกลักษณ์เพิ่งกระทำความผิดมาก่อน หรือช่วยเหลือประการใด ๆ ที่ส่อให้เห็นว่ามีเจตนาเพื่อไม่ให้นายเอกลักษณ์ต้องโทษหรือไม่ให้ถูกจับกุม การที่นายเอกลักษณ์โทรศัพท์ไปหานายชาคิต และโอนเงินให้เพื่อเป็นค่าจ้างให้ขับรถไปส่งที่จังหวัดสระแก้ว มาใช้สันนิษฐานให้เป็นผลร้ายแก่นายชาคิต โดยปราศจากพยานหลักฐานมานำสืบเพื่อยืนยันให้เห็นเป็นประจักษ์ตามที่โจทก์ฟ้อง จึงย่อมไม่เป็นธรรมแก่จำเลยที่ 2 ที่ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด พยานหลักฐานโจทก์เท่าที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังลงโทษได้
กำลังโหลดความคิดเห็น