กระแสเริ่มเปลี่ยน! รัฐบาลเจอเสียงค้านแนวคิดทำประชามติยกเลิก MOU ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังนักการเมือง-นักวิชาการเตือน ผลักภาระให้ประชาชน ทั้งที่รายละเอียดซับซ้อน อ่อนไหว และกระทบความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ชี้หากรัฐบาลอยากยกเลิกจริงทำได้ทันที ไม่จำเป็นต้องโยนคำตอบไปที่ประชาชน
จากที่เคยมีเสียงเชียร์สนับสนุนแนวคิดของรัฐบาลในการให้ทำประชามติสอบถามความคิดเห็นของประชาชนว่าสมควรยกเลิกยกเลิกMOU ที่รัฐบาลไทยลงนามร่วมกับรัฐบาลกัมพูชา ปรากฎว่าตอนนี้เริ่มมีเสียงวิจารณ์พร้อมกับตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลว่าเป็นการผลักภาระให้กับประชาชนหรือไม่
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ แสดงความคิดเห็นว่า หากจะทำประชามติ ต้องทำให้ประชาชนมีข้อมูลเพียงพอ แต่ปัญหาคือ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ MOU มีความละเอียดอ่อนจนสภาผู้แทนราษฎต้องประชุมลับ ดังนั้นจึงเป็นภาระของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ที่ต้องตอบว่าจะมีวิธีการใดทำให้ประชาชนรับรู้ โดยไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของชาติ หากข้อมูลรั่วไหลไปถึงกัมพูชา
“เรื่องนี้มันซับซ้อน ไม่ใช่ว่าจะยกเลิกแล้วจบ ต้องมีแผนรองรับหลายขยัก ต้องคิดให้รอบคอบ ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง” นายรังสิมันต์ ระบุ
เช่นเดียวกับ นายธนาธร โลห์สุนทร ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา MOU43-44 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา สภาผู้แทนราษฎร ได้ระบุว่า ประเด็นดังกล่าวมีความอ่อนไหว และมีรายละเอียดทางเทคนิคมาก เป็นเรื่องเชิงเทคนิคกฎหมาย และภูมิรัฐศาสตร์ หากไม่ได้รับข้อมูลที่เพียงพอประชาชนทั่วไปอาจตัดสินจากอารมณ์ หรือข้อมูลไม่ครบ ทำให้ผลประชามติไม่สะท้อนผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศ ทั้งนี้เหตุผลที่ไม่ควรทำประชามติยกเลิก MOU43-44 ไม่ใช่เรื่องที่ประชามติจะตอบได้ เพราะประชามติเป็นเพียงการถามใช่หรือไม่ใช่ แต่ประเด็นชายแดนและMOU ละเอียดอ่อน ซับซ้อน ต้องอาศัยกฎหมายระหว่างประเทศและการเจรจา และ MOU เป็นพันธกรณีระหว่างประเทศข้อตกลงระหว่างรัฐ การยกเลิกฝ่ายเดียว อาจทำให้ไทยถูกมองว่าไม่รักษาสัญญา กระทบความน่าเชื่อถือในเวทีโลก
นายธนาธร ย้ำว่า หากรัฐบาลอยากยกเลิก หรือหากนายกฯ ระบุเจรจากันไม่จบก็ยกเลิกไปเลยนั้น ก็สามารถทำได้ทันที โดยผ่านมติคณะรัฐมนตรีได้ทันที โดยไม่ต้องผลักภาระไปให้กับประชาชนตัดสินใจ แต่ก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเมื่อไม่มี MOU43-44 แล้ว ข้อพิพาทตามแนวชายแดนจะหายไปหรือไม่ และไทยจะใช้กลไกใดเจรจา และหากต้องมีการทำกรอบเจรจากันใหม่ หรือ MOU ฉบับใหม่ ไทยจะทำข้อตกลงใหม่ได้ดีกว่าฉบับที่ยกเลิกไปหรือไม่