กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด รื้อบ้าน 3 หลังรุกล้ำเขตแดนไทย บ้านหนองรี อ.เมืองตราด ด้านว่าที่ ผบ.ทร. เผยไม่นิ่งนอนใจ เร่งกดดันกัมพูชารื้ออาคารกาสิโน ทมอดา-ท่าเส้น รุกล้ำแดนไทย
วันนี้ (29 ก.ย.) พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างกรณีบ้าน 3 หลัง บริเวณฝั่งตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ที่รุกล้ำเขตแดนประเทศไทย และสร้างความกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน สำหรับจุดที่พบว่ายังมีการรุกล้ำเหลืออยู่ ทางกองทัพเรือจะใช้ความพยายามอย่างที่สุดต่อไป เพื่อให้ฝ่ายตรงยุติการกระทำที่เป็นการละเมิดอธิปไตยโดยเร็ว
ด้าน พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ (ว่าที่ ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีอาคารกาสิโนของกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่บ้านท่าเส้น-ทมอดา จ.ตราด จะรื้อถอนหรือไม่ ว่า ที่ผ่านมาเรากดดันมาตลอด เราได้รับข้อมูลว่า ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ไม่ต้องให้คนเข้าใช้ ซึ่งในขณะนี้ก็ยังไม่มีการเข้าใช้ประโยชน์อาคาร แต่ต้องเจรจาและกดดันเพิ่มมากขึ้น เพราะในบริเวณนั้นฝ่ายกัมพูชาเริ่มก่อตั้ง ต้องกดดันให้เขาพิจารณาทำลาย
เมื่อถามว่ามีการมองว่าเป็นการสร้างในพื้นที่ของไทย ต้องเป็นฝ่ายกัมพูชารื้อถอน หรือฝ่ายไทย พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้เราต้องร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เพราะหน่วยงานความมั่นคงก็ดูเรื่องความมั่นคงอย่างเดียว ส่วนการเจรจาก็จะมีกระทรวงการต่างประเทศหรือหน่วยงานความมั่นคงอื่นๆ ต้องเจรจากดดันต่อไป ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่จะใช้มาตรการกดดันให้เข้มข้นขึ้น
เมื่อถามว่า มีการมองว่ามีความเกรงใจเพราะมีชื่อนักการเมืองฝั่งไทยเกี่ยวข้องนั้น พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า อันนี้ผมขอให้หน่วยงานในพื้นที่เขาทำ เราหน่วยงานความมั่นคงขอเน้นไปที่เรื่องการปกป้องอธิปไตย สำหรับพื้นที่อาคารกาสิโนที่บ้านท่าเส้น ต้องพิจารณาข้อตกลงที่จะพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาจะออกมาอย่างไร ระบบตรวจการณ์ของเราไม่ได้ขึ้นไปทุกวัน เพราะพื้นที่ฝั่งเราอยู่บนเหวมากกว่า แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นพื้นราบ จึงต้องรอบคอบ ซึ่งถ้าสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน แต่ถ้าใช้ประโยชน์ร่วมกันไม่ได้ และพูดคุยร่วมกันไม่ได้ เราคงต้องหาวิธีกดดันผ่านวิธีใดวิธีหนึ่ง
เมื่อถามว่า หากจะใช้ประโยชน์ร่วมกันจะเป็นรูปแบบใด พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า เราไม่ได้มองว่าจะเอาไปทำกาสิโน ผมมองที่อาคารอย่างเดียว ซึ่งสามารถนำไปใช่ร่วมกันได้ อาจเป็นอาคารตรวจการณ์ร่วมกันได้
เมื่อถามว่า นอกจาก 17 พื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำขึ้นมา มีพื้นที่อื่นๆ เพิ่มอีกหรือไม่ พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีการมาเพิ่ม แต่บางจุดเราประท้วง เขาก็หยุดสร้าง แต่บางจุดเราประท้วง เช่น บางคูเลตเขาก็กลบ ถนนบางสายเมื่อเขาทำแล้ว ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เลี้ยวมาในไทย เขาก็หลีกเลี่ยงไปทางอื่น แต่ส่วนใหญ่ฐานที่มั่นทางทหารก็จะมีที่บ้านชำรากเท่านั้น
เมื่อถามว่า เหล่าทัพต้องมีการหารือร่วมกันวางแผนชายแดนอย่างไรบ้าง พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า ทุกเหล่าทัพต้องหารือร่วมกันและประสานแผน ทั้งกองทัพภาคที่1 กองทัพภาคที่2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เพื่อทำไปในแนวทางเดียวกัน ให้ทวีกำลังในการกดดันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งรัฐบาลก็จะกำหนดเรื่องเศรษฐกิจและการทูต ในการทหารก็จะกดดันพร้อมกันไป เพื่อให้การทวีกำลังในการกดดันได้ผลมากขึ้น
เมื่อถามถึงการขีดเส้นพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว วันที่ 10 ต.ค. นี้ ให้ชาวกัมพูชาอพยพออกจากพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ทาง ทร. จะสนับสนุนกองทัพภาคที่ 1 อย่างไรบ้าง พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า เราพร้อมเพราะมีการประสานแผนตลอด ผบ.กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด รายงานอยู่ตลอด ซึ่งพูดคุยกับกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 ถือว่าเราได้ประสานการปฏิบัติ เราทำงานจังหวะของการเดิน ก็ต้องไปด้วยกัน
