xs
xsm
sm
md
lg

ชูวิทย์เล่าสามก๊ก เปรียบการเมืองไทยสามสี ทิ้งกลอน "ฉกฉวย" ถึง "สิ้นศรัทธา" เป็นวัฎจักร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันนี้ (28 ก.ย.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง กล่าวบนเวทีความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4 ระบุว่าสมัยก่อนนักการเมืองจะพูดความจริง นักการเมืองจะบอกว่า ไปสาบานกันที่วัดพระแก้วว่าใครพูดความจริง จะเล่าให้ฟังว่าความจริงมีหนึ่งเดียวเป็นอย่างไร หลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายบรรหาร ศิลปอาชา ชักชวนให้ไปร่วมงานกับพรรคชาติไทย ซึ่งคนที่จะมาเป็นนักการเมืองต้องเดินตามนักการเมืองก่อน สิ่งที่เรียนรู้จากนายบรรหาร คือ การเป็นนักการเมืองอย่าไปใช้ปากกา ให้ใช้ดินสอ เพราะมันลบได้ ซึ่งนักการเมืองมันพลิกไปพลิกมา อีกทั้งเราต้องเป็นรัฐบาล เพราะสั่งการข้าราชการได้ เป็นฝ่ายค้านมันอดอยากปากแห้ง สิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ คือ ทำไมพรรคประชาชน พรรคสีส้มแต่เลือกสีน้ำเงิน คือพรรคภูมิใจไทย แล้วก็บอกว่า เลือกเขามาเป็นนายกฯ ไปยุบสภา ไม่ได้เลือกมาทำงานบริหาร

เรื่องนี้เปรียบดังนวนิยายเรื่องสามก๊ก แบ่งเป็น เล่าปี่ โจโฉ และซุนกวน เปรียบกับในวงการเมืองปัจจุบัน คือสีส้ม สีน้ำเงิน และสีแดง โดยเล่าปี่เปรียบเสมือนส้ม เพราะทำตัวเป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ใช้อุดมคติ หลักธรรม เพื่อให้คนดูว่าซื่อ ไม่คิดอะไรมาก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แม้ใช้คุณธรรม ความซื่อความใส มีขงเบ้งคอยวางแผน แต่ปฐมเหตุของสีส้มคือไม่มีประสบการณ์ และมีความประสงค์จะแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าจะแก้ทำไมบ่อยครั้ง ทั้งที่มีคนฉีกรัฐธรรมนูญมาแล้วก็ยังแก้อีก เมื่อต้องการแก้รัฐธรรมนูญจึงสนับสนุนพรรคสีน้ำเงิน

ส่วนพรรคสีน้ำเงินเปรียบได้กับโจโฉ เพราะมีเล่ห์เหลี่ยมและอุบาย แต่เป็นคนที่โหดเหี้ยม มีสองบุคลิก ด้านหนึ่งหน้าไหว้ อีกด้านหนึ่งมองไม่เห็นเพราะอยู่เบื้องหลัง เมื่อโจโฉกับเล่าปี่ผสมพันธุ์กัน เป็นผสมข้ามสายพันธุ์ด้วยวัตถุประสงค์แก้รัฐธรรมนูญ ถามว่าจะแก้ได้ไหม แก้ไม่ได้เพราะติด สว. และรู้กันอยู่ว่าใครคุม ทำยังไงให้ สว. สนับสนุน ก็ต้องจับมือกันระหว่างสีส้มกับสีน้ำเงิน แล้วพรรคส้มจะเป็นฝ่ายค้าน ไม่ร่วมสังฆกรรมเป็นรัฐบาล เดี๋ยวจะหาว่าไม่ใช่เล่าปี่ ซึ่งเป็นแผน ซึ่งพรรคน้ำเงินก็เปรียบเหมือนปลาซักเกอร์ หรือปลาเทศบาล เพราะดูดหมดเลย ส่วนอีกพรรคหนึ่งทำเป็นมีคุณธรรม แล้วจับไปอยู่ตู้ปลาเดียวกัน

ถ้ามีความจริงใจ 4 เดือนคือโอกาสของพรรคส้ม เพราะถ้าอยากเป็นรัฐบาลต้องแสดงผลงาน เปรียบเหมือนบริษัทมีช่วงทดลองงาน ให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็น รมว.กลาโหม ให้นายรังสิมันต์ โรม เป็น รมว.มหาดไทย เพราะเก่งตั๋วช้าง และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล เป็น รมว.คลัง ถ้า 4 เดือนนี้บริหารบ้านเมืองดี ประชาชนจะสนับสนุนเยอะ แต่กลับไม่ทำ ยกให้น้ำเงินเป็นนายกฯ ไปยุบสภา ตนจะดู MOA ว่ามีคนเยอะขึ้นหรือเปล่า ทั้งที่อีกฝ่ายหนึ่งเข้าบ้านสะสมเสบียงกรัง แล้วออกแบบ MOA ซึ่งไม่รับรองด้วยกฎหมาย แต่จับมือกันแล้วยกให้น้ำเงินขึ้นครองอำนาจ ทั้งที่พรรคน้ำเงินเก๋าเกม รู้ว่า 4 เดือนหวานปาก บอกแก้รัฐธรรมนูญ สว. เดี๋ยวจัดการให้ ไม่มีปัญหา แต่ผ่านไปไม่ทัน 4 วัน งูเห่าเข้ามา

บางคนทิ้งพรรคมาอยู่พรรคน้ำเงิน พรรคกล้าธรรมก็มา คิดว่าอยู่รัฐบาล 4 เดือน เลือกตั้ง 2 เดือน กกต.รับรองอีก 2 เดือน รวมกันแล้ว 8 เดือน คิดดูละกันว่าจะแข็งแกร่งไหม เขาแข็งแกร่งเพราะเขาเก๋าเกมและมีลีลา เช่น อ้างว่า สว. ผมคุมไม่ได้ ส่วนเจ้าลัทธิพรรคส้มก็อ้างว่าเขากระโดงผิดตรงไหน และคดีฮั้ว สว. เดี๋ยวก็พ้นวาระไปแล้ว พูดเก่งกว่าพรรคน้ำเงินอีก เริ่มแบไต๋ว่าวัตถุประสงค์ร่วมรัฐบาลต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่งแน่นอน เพราะถ้าจะยุบสภา เป็นรัฐบาลเองไม่ดีกว่าหรือ เพราะแคนดิเดตไม่มีแล้ว ยกให้หนู อะไรจะดีสุดในการคุมรัฐบาลถ้าเราไม่เป็นรัฐบาล และที่อ้างว่าจะตรวจสอบรัฐบาล เคยตรวจสอบมา 2 ปียังทำอะไรไม่ได้เลย เป็นสิ่งที่มองว่าในการเมืองไม่มีความจริง

"ผมก็บอกตรงๆ เพราะผมก็เคยเลือก ผมเคยเลือกอนาคตใหม่ เปลี่ยนเป็นก้าวไกลผมก็เลือกก้าวไกล เพราะผมคิดว่าอายุปูนเราแล้ว ต้องให้เด็กๆ ทำ ลูกๆ ก็บอกว่าเลือกหน่อยๆ แต่ผมเดาเอาได้เลยว่าเที่ยวหน้า ลูกๆ ก็บอกเลือกหน่อยๆ พ่อก็ด่าเอากูไม่เลือกแล้ว เพราะฉะนั้นมันวัดคะแนนกันได้ ที่ได้มาเที่ยวก่อนส้มได้มา 14 ล้านเสียง ผมบอกได้เลยว่าเที่ยวหน้าไม่ได้แล้ว มันไม่ได้เหมือนตอนรุ่งๆ แล้ว ตอนนั้นรุ่งๆ ทำลีลาไปอะไรไปมันได้ แต่ตอนนี้มันไม่ได้แล้วล่ะ ที่ไม่ได้เพราะคุณทำตัวคุณเอง อยากจะคุม อยากจะให้ปฎิบัติตามคุณ แล้วคุณอยากให้บ้านเมืองดีด้วย คุณเข้าไปสิ ไม่ต้องไปกินน้ำบ่อหน้าจะแก้รัฐธรรมนูญ เสร็จแล้วจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ ใด้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากฝ่ายเดียว ฝันไปเถอะ"

ส่วนโจโฉ ในเรื่องสามก๊ก จะรบทีมีทหารไพร่พลเป็นแสนๆ คน แสดงว่าถ้าเป็นสำนวนไทย จ้างผีมาโม่แป้งยังได้เลย เขาไม่สน เขาเล่นการเมืองแบบจะเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ซึ่งเป็นแนวทางพรรคเขา จะไปว่าอะไร จะให้ทำอะไรก็ทำให้หมด ท้ายที่สุดประชาชนได้อะไร 4 เดือนมีประโยชน์อะไร นอกจากเป็นการเตรียมตัวของนักการเมือง เตรียมเสบียงกำลังจับมือกัน ที่ส้มบอกว่าถ้าไม่ปฎิบัติตาม MOA ส้มบอกว่าให้นักการเมืองลงโทษคิดได้ยังไง จะให้เลือกพรรคตนอย่างนั้นหรือ ปัญหาของเขาในปี 2566 ส้มแลนด์สไลด์ ได้ 14 ล้านเสียง ยังถูกน้ำเงินถีบไปเป็นฝ่ายค้านเลย เพราะฉะนั้นการเมืองอย่าไปมองชั้นเดียว

การตัดสินใจของพรรคส้มถูกค่อนขอดว่าไปเป็นค้ำยัน เป็นนั่งร้านมันไม่ผิด จะไปว่ากันไม่ได้ เที่ยวนี้รัฐบาลก็ไม่อยู่ แต่เพื่อให้ดูบริสุทธิ์ไม่ไปสังฆกรรมกับเขา ถ้าทำอะไรผิดจะอภิปราย คุณเล่นอะไรกันอยู่ คิดว่าดูไม่ออกเหรอ นักการเมืองก็เหมือนพระบวชใหม่ แรกๆ รองเท้ายังไม่ใส่ ผ่านไป 30-40 ปี พระบางรูปยังเล่นกับสีกา พอเข้าไปในการเมืองก็เหมือนกับเข้าบ่อน เข้าไปใหม่ๆ ก็อ้างว่าไม่ชอบเล่น สักพักหนึ่งมันก็ต้องเล่น เมื่อเข้าสู่การเมืองมันไม่มีใครเป็นคนดี งานการเมืองเป็นงานอาสา เพราะอาสามาให้ประชาชนเลือก ไม่ใช่อาชีพ เพราะเป็นผู้อาสาตัวเองมาให้เราเลือก

ส่วนซุนกวน เปรียบเทียบในประวัติศาสตร์ก็เหมือนพรรคสีแดง เป็นคนที่ใช้เครือข่ายสืบทอดอำนาจ และไม่ค่อยระวังตัว ไม่เด็ดขาดมากพอในบางสถานการณ์ ลังเล เชื่อใจคนง่าย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่คาดคิดว่าพรรคส้มจะได้เกิน 250 เสียง ตนยังไม่คิดว่าจะได้เท่าเก่า และมากกว่าเก่า มีแต่จะตกมากกว่าเก่า เสร็จแล้วจะเห็นการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ สรุปว่าการเมืองไทยต้องจำให้ดี มีแค่ 10 อย่าง ร่ายมาเป็นกลอนคือ "ฉกฉวย แย่งชิง ผูกขาด ตัดตอน ลิดรอนสิทธิ์เพื่อน แทงหน้าแทงหลัง หน้าด้านหน้าทน มือยาวสาวได้สาวเอา ได้เอาไปฝากเมีย เสียยกให้เพื่อน เงื่อนเวลา อ้างฟ้าดิน สิ้นศรัทธา" มันเป็นวัฎจักรแบบนี้ เชื่อว่าอีกไม่นานพรรคสีส้มก็จะตามพรรคสีฟ้าไป
กำลังโหลดความคิดเห็น