ฝรั่งเศสกับซาอุดีอาระเบีย ร่วมจัดประชุมผู้นำจากหลายสิบประเทศทั่วโลกในวันจันทร์ (22 ก.ย.) เพื่อระดมความสนับสนุนในการแก้ไขวิกฤตอิสราเอล-ปาเลสไตน์ด้วยแนวทางให้ 2 ฝ่ายต่างมีฐานะเป็นรัฐอยู่เคียงคู่กัน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าจะมีอีกหลายชาติใช้โอกาสหารือกันที่นิวยอร์กคราวนี้ประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์เพิ่มมากขึ้น หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (21) 4 ชาติตะวันตก ได้แก่ สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย, และโปรตุเกส นำร่องไปก่อนแล้ว
ขณะที่การประชุมซัมมิตในนิวยอร์กครั้งนี้ สามารถเพิ่มขวัญกำลังใจให้แก่ชาวปาเลสไตน์ แต่ก็ไม่เป็นที่คาดหมายกันว่าจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่สถานการณ์ที่เป็นจริง โดยที่รัฐบาลอิสราเอลชุดปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นรัฐบาลขวาจัดสุดโต่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐยิวได้ประกาศกร้าวออกมาแล้วว่าจะไม่ยอมให้มีรัฐปาเลสไตน์เกิดขึ้นมา พร้อมกับเร่งรัดการปฏิบัติการโจมตีในดินแดนกาซาที่มีแต่ซากปรักหักพังเต็มไปหมดอยู่แล้ว โดยอ้างว่าเพื่อสู้รบปราบปรามกลุ่มนักรบฮามาสที่ยังเหลืออยู่
แนวทางแก้ปัญหาแบบ 2 รัฐนี้ ถือเป็นรากฐานของกระบวนการสร้างสันติภาพที่สหรัฐฯเคยหนุนหลัง ซึ่งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาตามข้อตกลงกรุงออสโลปี 1993 ทว่าในช่วงเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา กระบวนการนี้ไร้ความคืบหน้าอย่างสิ้นเชิง
ทั้งอิสราเอลและสหรัฐฯต่างประกาศแล้วว่าจะบอยคอตต์ไม่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ขณะที่ แดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ กล่าวเยาะหยันว่า เหตุการณ์นี้เป็นแค่ “ละครสัตว์”
อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย, และโปรตุเกส ต่างออกมาประกาศในวันอาทิตย์(21) ว่ารับรองปาเลสไตน์ในฐานะที่เป็นรัฐๆ หนึ่ง คาดหมายกันว่า ฝรั่งเศสและอีก 5 ชาติก็จะรับรองรัฐปาเลสไตน์เช่นกัน ณ การประชุมซัมมิต ซึ่งจัดขึ้นก่อนหน้าการประชมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ
ก่อนหน้านี้ มีบางประเทศยุโรปประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์ไปก่อนแล้ว เป็นต้นว่า นอร์เวย์, สเปน, และ ไอร์แลนด์ ให้การรับรองตั้งแต่ปีที่แล้ว
ขณะที่พวกประเทศยุโรปส่วนใหญ่เวลานี้ต่างพากันรับรองรัฐปาเลสไตน์ ทว่า เยอรมนี และอิตาลี ยังคงส่งสัญญาณว่าไม่เคลื่อนไหวไปในแนวทางนี้ในเร็ววันนี้
เยอรมนี ซึ่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แสดงตัวเป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขันยิ่ง สืบเนื่องจากความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้ก่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวไปหลายล้านคน ทว่าเวลานี้มีท่าทีหันมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของอิสราเอลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ยังคงยืนกรานว่าการรับรองรัฐปาเลสไตน์ควรเกิดขึ้นในตอนท้ายของการดำเนินกระบวนการทางการเมืองเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามแนวทางแก้ปัญหาด้วยการมี 2 รัฐเคียงคู่กัน
ส่วนอิตาลีบอกว่าการรับรองรัฐปาเลสไตน์ในเวลานี้อาจ “ก่อให้เกิดผลเสีย” มากกว่าผลดี
สำหรับรัสเซีย ทางทำเนียบเครมลินแถลงในวันจันทร์ (22) ว่ายังคงเชื่อว่าหนทาง 2 รัฐเป็นทางออกเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขความขัดแย้งนี้ได้
ปัจจุบันอิสราเอลกำลังอยู่ในสภาพโดดเดี่ยวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และถูกประณามจากทั่วโลกจากการปฏิบัติการทางทหารอย่างโหดเหี้ยมในดินแดนกาซา ซึ่งได้สังหารชาวปาเลสไตน์ตายไปแล้วมากกว่า 65,000 คน และถูกหน่วยงานต่างๆ ทั้งของยูเอ็นและกลุ่มเอ็นจีโอทั้งหลายระบุว่ามีพฤติการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลยังคงปฏิเสธไม่รับฟังเสียงเรียกร้องจำนวนมากที่ให้ยุติการปฏิบัติการในกาซา โดยยืนยันว่าจะหยุดต่อเมื่อพวกฮามาสถูกทำลายหมดแล้ว นอกจากนั้นก็ประกาศว่าจะไม่มีวันรับรองรัฐปาเลสไตน์
เนทันยาฮู กล่าวในคำแถลงที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ (21) ว่า เขาจะประกาศการตอบโต้ของอิสราเอล เมื่อกลับจากการไปเยือนสหรัฐฯ โดยที่เขามีกำหนดการพบปะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
พวกเจ้าหน้าที่รัฐยิวบอกว่า อิสราเอลกำลังพิจารณาที่จะประกาศผนวกหลายๆ ส่วนของดินแดนเวสต์แบงก์ซึ่งกองทัพอิสราเอลยึดครองอยู่ เข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศอิสราเอล โดยถือเป็นการตอบโต้ที่อาจเป็นไปได้ประการหนึ่งต่อการประชุมซัมมิตที่นิวยอร์กในวันจันทร์ นอกจากนั้นยังอาจจะมีมาตรการทวิภาคีที่มุ่งเล่นงานฝรั่งเศสเป็นพิเศษ
คาดหมายกันว่า หากอิสราเอลประกาศผนวกดินแดนในเขตเวสต์แบงก์จริงๆ ก็น่าจะสร้างความไม่พอใจให้แก่ประเทศสำคัญๆ อย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) มหาอำนาจน้ำมันและฮับการค้าในตะวันออกลาง ที่มีอิทธิพลทางการทูตกว้างขวางทั่วภูมิภาคนี้
ทั้งนี้ ยูเออี ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีสถานะโดดเด่นที่สุดในบรรดาชาติอาหรับที่สถาปนาความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิสราเอลภายใต้ข้อตกลงอับราฮัม ที่อเมริกาเป็นตัวกลางเมื่อปี 2020 นั้น ได้กล่าวเตือนว่า การเข้าผนวกดินแดนในเวสต์แบงก์จะบ่อนทำลายจิตวิญญาณของข้อตกลงดังกล่าว
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเจนซีส์)