"ฉลาด ขามช่วง" หัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย โต้ กัมพูชา บนเวที AIPA ใช้เวทีรัฐสภาอาเซียน ขยายความขัดแย้งระหว่างประเทศ ชี้ ทุกอย่างมีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์จวกกัมพูชาบิดเบือน-ฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ ยิง BM-21 คร่าชีวิตเด็กและผู้บริสุทธิ์ วางทุ่นระเบิดละเมิดอนุสัญญาออตตาวา
วันที่ 18 ก.ย.นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย กล่าวถ้อยแถลงบนเวทีการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) ภายหลังที่กัมพูชาได้กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างไทยและกัมพูชาว่า ในนามของรัฐสภาไทยขอย้ำถึงถ้อยแถลงครั้งนี้ว่ารัฐสภาไทย ไม่ขอทำลายบรรยากาศฉันมิตรของ AIPA โดยการใช้เวทีของฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อขยายความชี้แจงข้อมูล หรือตอบโต้ใด ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นล้วนมีหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศอันดีงาม ความถ้อยทีถ้อยอาศัยของเพื่อน AIPA
รัฐสภาไทยเห็นว่าสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นการบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งการโจมตีพลเรือน โครงสร้างพื้นฐาน โดยการยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้ามาในพื้นที่ชุมชนของพลเรือนไทย ส่งผลให้พลเรือน และผู้บริสุทธิ์ และ เด็กเกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เกิดการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ อนุสัญญาเจนีวานี กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง ตลอดจนกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก สิทธิคนพิการ การกระทำยังกล่าวถือว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม ตามธรรมนูญกรุงโรม และขัดต่ออนุสัญญาออตตาวาด้วยการวางระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ส่งผลให้ทหารไทยผู้กล้าหาญต้องทุพพลภาพถาวร โดยทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นอาวุธที่กัมพูชามีไว้ครอบครอง ตามรายงานความโปร่งใสของกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันไทยไม่มีระเบิดทุ่นระเบิดใดอยู่ในครอบครอง
นอกจากนี้ การพบทุ่นระเบิด PMN-2 ที่วางไว้ และยังไม่ถูกใช้งานด้วยปรากฏหลักฐานข้อเท็จจริงระหว่างทหารกัมพูชาได้รับการฝึกฝนการวางทุ่นระเบิดดังกล่าว จึงเป็นที่ชัดเจนว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้ถูกวางโดยกัมพูชา อีกทั้งกัมพูชายังอ้างว่าไทยโจมตีใกล้โบราณสถานปราสาทเขาพระวิหาร ที่อยู่ภายใต้อนุสัญญากรุงเฮก ขอเรียนว่าการปฏิบัติการทางทหารของไทย ไม่กระทบต่อโบราณสถานดังกล่าว และไทยได้ชี้แจงต่อยูเนสโกเพื่อทราบแล้ว
กรณีที่ชาวบ้านกัมพูชามีการรื้อรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยมีการติดตั้งบริเวณบ้านหนองหญ้าปล้องจังหวัดสระแก้ว มีความจำเป็นต้องเล่าความจริงให้ ทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในอธิปไตยของไทย และมีความพยายามขัดขวางการทำงานของ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ทำให้เจ้าหน้าที่บางคนได้รับบาดเจ็บ มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางอันเป็นการละเมิดกฎหมายไทย ไทยจึงจำเป็นต้องเข้าระงับเหตุ ตามหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน
รัฐสภาไทยขอใช้โอกาสนี้การขอบคุณต่อทุกฝ่าย ที่มีความพยายามทำให้สถานการณ์ระหว่างไทยไทยและกัมพูชาคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขอย้ำว่าความรุนแรงไม่สร้างประโยชน์อันใด กับประชาชนมีแต่สร้างความเสียหาย ความเจ็บช้ำ และลุกลามบานปลายเป็นรอยแผลในใจที่ไม่สามารถลบเลือนได้
ดังนั้น จึงควรหันหน้าเข้าหากันในการสร้างความปรองดอง ขอยืนยันว่า รัฐสภาไทยจะยึดมั่นหลักการของสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ และหลักปฎิบัติด้านสิทธิมนุษยชน และหลักการของอาเซียน เราสนับสนุนแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทอย่างสันติวิธี ผ่านช่องทางทวิภาคีที่มีอยู่ และไม่ประสงค์จะเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายใด เชื่อมั่นว่า AIPA เป็นตัวแทนของประชาชน และเราเข้ามาในนามของประชาชน จึงขอยืนยันว่าการใช้วิธีของฝ่ายนิติบัญญัติ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมความไว้วางใจ และหาข้อยุติร่วมกันอย่างสันติ และยั่งยืนเพื่อประโยชน์ ของประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป