xs
xsm
sm
md
lg

บทเรียนเมื่อ “นักร้อง” กลายเป็นนักตบทรัพย์! “พี่ศรี-เจ๋ง ดอกจิก” โดนศาลสั่งคุก ** “โสภณ ซารัมย์” รองนายกฯเขากระโดง ที่ถูกส่งมากำกับ “นายกฯหนู”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ยศวริศ ชูกล่อม - ศรีสุวรรณ จรรยา -  โสภณ ซารัมย์
++ บทเรียนเมื่อ “นักร้อง” กลายเป็นนักตบทรัพย์! “พี่ศรี-เจ๋ง ดอกจิก” โดนศาลสั่งคุก

เมื่อ “นักร้อง”ตัวพ่ออย่าง “พีศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา ที่เคยเป็นเจ้าของสถิติ ยื่นเรื่องร้องเรียนถี่ยิบ ชนิดที่ร้องได้ทุกเรื่อง งัดประเด็นกล่าวหาได้ทุกคน และอดีตดาวตลก “เจ๋ง ดอกจิก” หรือ “ยศวริศ ชูกล่อม” ที่เคยโลดแล่นในฐานะแกนนำคนสำคัญของคนเสื้อแดง ก่อนจะหันมาติดสอยห้อยตามนักการเมืองเป็น "เจ้าหน้าที่รัฐ" ต้องเผชิญกับคดี 'รีดไถเงิน' อันฉาวโฉ่ที่คนคาดไม่ถึง จนกระทั่งมาถึงวันพิพากษา

หลายคนคงจำกันได้ กับคดีมหากาพย์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่ตำรวจ ป.ป.ป. บุกเข้าจับกุม “ศรีสุวรรณ” ถึงบ้านพัก ข้อหา “เรียกรับผลประโยชน์” จาก อธิบดีกรมการข้าว ถึง 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการ “ไม่แฉ” เรื่องทุจริตในหน่วยงาน...ในวันนั้นหลายคนก็สงสัย เอ๊ะ! เรื่องจริง หรือเรื่องแหกตา? แต่พยานหลักฐานมันฟ้อง! ทั้งคลิปเสียง คลิปภาพ แชตไลน์ รวมถึงธนบัตร ที่ลงเลขไว้เป็นอย่างดี ยิ่งทำให้เรื่องราวดูมีมูล...และล่าสุดก็มีการตัดสินออกมาแล้ว

ศรีสุวรรณ จรรยา
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาตัดสินให้ “เจ๋ง ดอกจิก” ต้องรับโทษจำคุก 6 ปี 4 เดือน ฐานเป็น“เจ้าพนักงานของรัฐ” ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วน “พี่ศรี”กับพวก ก็โดนไปคนละ 4 ปี ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำผิด

บอกเลยว่า งานนี้ฝ่ายนักร้องและอดีตดาวตลก มีเงิบกันเป็นแถบๆ เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองคนยังดูมั่นอกมั่นใจสุดๆ โดย “ศรีสุวรรณ” ถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "เป็นคดีการเมืองที่ผู้มีอำนาจต้องการเตะตัดขา!" พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์...แต่สุดท้ายหลักฐานจากแชตไลน์ การนัดหมาย และ ถุงเงินสด ที่เอาไปแขวนไว้หน้าบ้านมันก็ฟ้องจนดิ้นไม่หลุด!

ยศวริศ ชูกล่อม
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “การร้องเรียน” เพื่อตรวจสอบทุจริตนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากเปลี่ยนจาก “นักตรวจสอบ” เป็น “นักตบทรัพย์” เมื่อไหร่...สุดท้ายก็ต้องชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อ!

คำตัดสินในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า "ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย" ไม่ว่าจะเคยเป็นนักร้อง หรือแอบอิงนักการเมืองมีชื่อเสียงโด่งดังขนาดไหนก็ตาม

งานนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าทั้ง “เจ๋ง” และ “ศรีสุวรรณ” จะยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อหรือไม่! และบทเรียนครั้งนี้ จะทำให้วงการ “นักแฉ” ที่เหลืออยู่ ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือไม่ ?

เอาเป็นว่าเรื่องนี้ ยังคงเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ไปอีกนานแน่นอน

โสภณ ซารัมย์
++ “โสภณ ซารัมย์” รองนายกฯเขากระโดง ที่ถูกส่งมากำกับ “นายกฯหนู”

เป็นเรื่องเซอร์ไพร้ส์ ไม่น้อย เมื่อมีชื่อ “โสภณ ซารัมย์” หรือที่เรียกันติดปากว่า “โสภณ ซาเล้ง” มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ใน “ครม.อนุทิน1”

“โสภณ” เป็นลูกชาย “กำนันสนั่น ซารัมย์” คนบ้านหนองเก้าข่า ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ จบวิทยาลัยครูบุรีรัมย์ เป็นครูอยู่หลายปีก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมือง

ปี 2544 ได้เป็นสส.บุรีรัมย์ ครั้งแรก ในสังกัดพรรคชาติไทย ต่อมาในการเลือกตั้งในปี 2548 ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย ของทักษิณ ชินวัตร และพรรคพลังประชาชน ในการเลือกตั้งปี 2550

ภายหลังพรรคพลังประชาชนถูกยุบ “โสภณ” ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของ “เนวิน ชิดชอบ” จึงได้ติดตามมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย และอยู่ยาวมาถึงปัจจุบัน

“โสภณ” เคยเป็น รมช.คมนาคม ในรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และเมื่อเนวิน พาสส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ตีจากทักษิณ มาร่วมกับ สส.จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย หนุน“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”เป็นนายกรัฐมนตรี จนมีวลี “มันจบแล้วครับนาย”... แล้ว “โสภณ” ก็ได้ขึ้นชั้น เป็นรมว.คมนาคม

ช่วงที่เป็น รมว.คมนาคม “โสภณ” เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พุ่งเป้าเรื่องการทุจริตการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ วงเงินลงทุน 36,055 ล้านบาท เนื่องจาก “โสภณ” ได้ปรับเปลี่ยน รวบวงเงินลงทุนจาก 4 โครงการ มัดรวมเป็นโครงการเดียว

การกระทำดังกล่าว ถูกแฉว่าเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน 2 รายไปแบ่งกัน คือ บริษัท ซิโน-ไทย จำกัด วงเงิน 3,233 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทเครือญาติของ “ปู่จิ้น” นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย พ่อของ“อนุทิน ชาญวีรกูล” และ บริษัท ช.การช่าง วงเงิน 2,658 ล้านบาท ทำให้รัฐสูญเสียเงินถึง 6,001 ล้านบาท แต่เมื่อมีการลงมติ “โสภณ” ก็ผ่านการซักฟอกมาได้
ช่วงที่ผ่านมาแม้ชื่อของ “โสภณ” จะห่างหายไปจากหน้าสื่อ แต่ไม่ได้ห่างหายจากการเมือง... ในรัฐบาล“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เขาก็เป็นประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม และในปัจจุบันก็ยังเป็น ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาธิการ ก่อนจะมีชื่อโผล่ในโค้งสุดท้าย ว่าได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ใน “ครม.อนุทิน1”

การได้กลับมาเป็นรองนายกฯครั้งนี้ คงไม่ได้มาเพียงเพื่อบันทึกไว้เป็นเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล เชื่อว่าน่าจะมี “วาระสำคัญ” รออยู่

เพราะ “ครูใหญ่เนวิน” รู้ดีว่าความสามารถของ “เสี่ยหนู” ในทางการเมืองนั้น เป็นได้แค่นักแสดง ที่ต้องเล่นไปตามบท เลยต้องส่งคนมากำกับอีกที

ต้องไม่ลืมว่า “โสภณ” ผูกพันอยู่กับกระทรวงคมนาคมมาตลอด เช่นเดียวกับ “บ้านใหญ่บุรีรัมย์” ตระกูลชิดชอบ เมื่อมีโอกาสเป็นรัฐบาล เป้าหมายแรก คือ ขอคุมกระทรวงคมนาคม เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่า กระทรวงนี้กุมหัวใจของเรื่อง “เขากระโดง” ที่ดินของการรถไฟ แต่เป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ของตระกูลชิดชอบ

คำตอบจะอยู่ที่ตอนแบ่งงานรองนายกฯ ดูว่า “โสภณ ซาเล้ง” จะได้กำกับดูแลงานด้านไหนบ้าง รวมทั้งกระทรวงคมนาคม ด้วยหรือไม่

พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์
++ “พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์” รมว.ยุติธรรรม บุรีรัมย์คอนเนกชัน

อีกตำแหน่งใน “ครม.อนุทิน1” ที่มีการจับตากันมาก ว่าใครจะมาเป็น รมว.ยุติธรรม เพื่อปลดล็อก 3 คดีสำคัญ ที่อยู่ในมือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” ยุค “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” เป็นรมว.ยุติธรรม ซึ่งคนของพรรคภูมิใจไทย โดนเข้าไปเต็มๆ
1.คดีเขากระโดง ที่ ดีเอสไอ พยายามทำให้เป็นคดีพิเศษอยู่ในตอนนี้ โดยโยงว่ามีการฟอกเงิน และเรียกให้การรถไฟฯ มาแจ้งข้อกล่าวหา ให้ดีเอสไอเข้าไปสอบสวน

2.คดีฮั้วเลือกสว. ที่ดีเอสไอ ใช้อำนาจตามที่บอร์ดคดีพิเศษ ยื่นดาบให้ เพื่อสอบสวนในประเด็น “อั้งยี่ -ฟอกเงิน” กับเครือข่ายการเลือกสว. ที่มีคนของพรรคภูมิใจไทย ติดบ่วงกันเป็นพรวน

3. กรณี ดีเอสไอ เข้าไปตรวจสอบเรื่องที่มีการร้องเรียนว่า มีการรุกล้ำที่ดินสาธารณะเพื่อสร้างสนามกอล์ฟ และสนามบินส่วนตัว ในพื้นที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จนดีเอสไอ ลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา

คนที่จะมานั่งตำแหน่งนี้ นอกจากเชื่อมือได้แล้ว ยังต้องเป็นคนประเภทกล้าชน และทนต่อแรงเสียดทาน ที่จะมากระทบ หากมีการเปิดฉากบู๊

สุดท้ายก็มีชื่อ ของ “พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์” อดีต รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 จะมาเป็นรมว.ยุติธรรม

“พล.ต.ท.รุทธพล” เข้ามารับราชการ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 ตั้งแต่ปี 2540 ในตำแหน่ง สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ ก่อนจะขึ้นมาเป็น รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ โดยตำแหน่งสุดท้ายในชีวิตราชการ คือ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3

ในชีวิตการรับราชการตำรวจของ “พล.ต.ท.รุทธพล” ได้ผ่านภารกิจหน้าที่มาในหลายรูปแบบ ทั้งผู้ปฏิบัติ และผู้บริหาร

แน่นอนว่า การเติบโตในชีวิตราชการ ที่จ.บุรีรัมย์ ยอมมีสายสัมพันธ์แนบแน่น กับ “ตระกูลชิดชอบ” บ้านใหญ่บุรีรัมย์
“พล.ต.ท.รุทธพล” ได้รับความไว้วางใจ ให้ดูแลงานสำคัญๆ เกี่ยวกับธุรกิจของ “ครูใหญ่เนวิน” เช่น การรักษาความปลอดภัย และการจราจร การจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ MotoGP สนามที่ 1 “PT Grand Prix of Thailand 2025” ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ และการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกจราจร ในพิธีเปิด การแข่งขันวิ่ง “บุรีรัมย์ มาราธอน“ ประจำปี 2568 (BURIRAM MARATHON 2025) ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ที่มี “พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ” ขณะดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน

นอกจากนี้ ในการจัดงานมุทิตาจิต ให้แก่ “พล.ต.ต.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล” อดีต รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ที่ก่อนหน้านี้ มีชื่อเป็นตัวเต็งจะมานั่ง รมว.ยุติธรรม รวมถึงงานมุทิตาจิต ให้แก่ “พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์” อดีต รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และ “พล.ต.ต.ลาภ ศรีสำอาง” อดีต รองจเรตำรวจ ช่วยราชการตำรวจภูธรภาค 3 ก็ยังเลือกใช้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เป็นสถานที่จัดงานด้วย

เพียงเท่านี้ ก็เห็นแล้วว่า “พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์” เป็นคนในบ้านใหญ่บุรีรัมย์ คนหนึ่ง

ที่ต้องจับตากันต่อไปก็คือ เมื่อ “พล.ต.ท.รุทธพล” เริ่มปฏิบัติงาน จะมีฉากบู๊ ล้างบางคนใน “ดีเอสไอ” ที่เป็นมือเป็นไม้ ให้กับ “ทวี สอดส่อง” ในทันทีหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น