รัสเซียขนสรรพกำลังที่รวมถึงอาวุธนิวเคลียร์ไฮเทคและทหารราวแสนนาย ซ้อมรบร่วมกับเบลารุส เพื่อส่งสัญญาณป้องปรามตะวันตก อย่าริอ่านส่งกองกำลังเข้าสู่ยูเครนเป็นอันขาด
ตอนที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เปิดฉากบุกยูเครนเต็มพิกัดในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 นั้น รัสเซียเพิ่งซ้อมรบร่วมกับเบลารุสได้ไม่กี่วัน ด้วยเหตุนี้ การซ้อมรบประจำปีร่วมกับเบลารุสครั้งล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า “ซาปาด 2025” (ตะวันตก 2025) จึงเพิ่มความกังวลให้แก่สมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) อย่างโปแลนด์ ลัตเวีย และลิทัวเนีย ที่มีพรมแดนติดกับเบลารุส
การซ้อมรบครั้งนี้ที่เสร็จสิ้นลงเมื่อวันอังคาร (16 ก.ย.) เป็นการจำลองสถานการณ์การร่วมกันตอบโต้ข้าศึก ซึ่งรวมถึงการวางแผนใช้อาวุธนิวเคลียร์ และตัวเลือกอื่นๆ ที่รวมไปถึง “โอเรชนิก” ขีปนาวุธพิสัยกลางรุ่นใหม่ของรัสเซียที่ทำความเร็วได้ในระดับไฮเปอร์โซนิก (เร็วกว่าความเร็วเสียง 5 เท่าตัวขึ้นไป) ขณะที่ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างขวางตั้งแต่เบลารุสไปจนถึงอาร์กติก
มาร์ค รึตเตอ เลขาธิการนาโต ชี้ว่า พวกขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกของรัสเซีย คือสิ่งที่ทำลายความเชื่อที่ว่า อังกฤษหรือสเปนปลอดภัยกว่าประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซียอย่างเอสโตเนีย หรือ ลิทัวเนีย ลงอย่างสิ้นเชิง
1ขวบปีนโยบายใหม่เรื่องอาวุธนิวเคลียร์
เดือนนี้ของปีที่แล้ว ปูตินได้ประกาศนโยบาย หรือที่เรียกกันว่าหลักนิยม (doctrine) ใหม่ในเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย โดยระบุว่า รัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้ประเทศใดก็ตามที่โจมตีรัสเซียด้วยอาวุธธรรมดาที่มิใช่นิวเคลียร์ ทว่าได้รับการสนับสนุนจากชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ นอกจากนั้นมอสโกสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ในกรณีที่มีการโจมตีรัสเซียและเบลารุสที่เป็นอันตรายต่ออธิปไตยและ/หรือบูรณภาพแห่งดินแดนของสองประเทศ
การปรับเปลี่ยนหลักนิยมเช่นนี้ ได้รับการตีความว่ามุ่งเตือนตะวันตก ไม่ให้ปล่อยให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย และก็เป็นการลดเกณฑ์การใช้คลังอาวุธนิวเคลียร์ของมอสโกให้ต่ำลง
ขณะที่การซ้อมรบคราวนี้เกิดขึ้นขณะที่สงครามยูเครนยืดเยื้อมา 3 ปีครึ่ง แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามอย่างยิ่งยวดในการผลักดันข้อตกลงสันติภาพก็ตาม
นอกจากนั้นเมื่อวันพุธที่แล้ว (10 ก.ย.) หรือก่อนที่การซ้อมรบจะเริ่มต้นเพียง 2 วัน โปแลนด์ระบุว่ามีโดรนรัสเซียราว 20 ลำได้รุกล้ำน่านฟ้า และโปแลนด์ร่วมกับชาตินาโตอื่นๆ ได้จัดการสอยร่วงโดรนดังกล่าวได้หลายลำ ถือเป็นครั้งแรกที่ชาติสมาชิกนาโตเปิดการยิงใส่อาวุธรัสเซียนับแต่สงครามในยูเครนเริ่มต้นขึ้น
ขณะที่มอสโกยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้มีเป้าหมายมุ่งโจมตีโปแลนด์ ส่วนพวกเจ้าหน้าที่เบลารุสกล่าวหาว่า ยูเครนส่งสัญญาณรบกวนทำให้โดรนเหล่านั้นออกนอกเส้นทาง ทว่า นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ของโปแลนด์ ประณามว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการยั่วยุให้โปแลนด์เข้าใกล้การสู้รบขัดแย้ง มากยิ่งกว่าครั้งใดๆ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
ด้าน รึตเตอ ก็กล่าวหาว่า การกระทำของมอสโก “ขาดความยั้งคิด” และประกาศเปิดปฏิบัติการ “อีสเทิร์น เซนทรี” แบบไม่มีกำหนดยุติ เพื่อยกระดับการป้องกันภัยทางอากาศของนาโตในบริเวณดังกล่าว ซึ่งถือเป็นพื้นที่ปีกทางด้านตะวันออกของนาโต
ข่มขวัญตะวันตก
ตอนที่รัสเซียใช้โอเรชนิกถล่มยูเครนครั้งแรกเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ปูตินเตือนตะวันตกว่า รัสเซียอาจใช้อาวุธนี้กับพันธมิตรที่ปล่อยให้เคียฟโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลขึ้น
ปูตินคุยว่า โอเรชนิกสามารถโจมตีเป้าหมายด้วยความเร็วมากกว่า มัค 10 (เร็วกว่าความเร็วเสียง 10 เท่า) และไม่มีอาวุธใดๆ สามารถสกัดได้ ขณะที่สื่อของทางการรัสเซียอวดอ้างว่า โอเรชนิกสามารถโจมตีฐานทัพในโปแลนด์ในเวลาเพียง 11 นาที และ 17 นาทีสำหรับสำนักงานใหญ่ของนาโตในบรัสเซลส์ นอกจากนั้นยังไม่มีทางรู้ได้ว่า ขีปนาวุธดังกล่าวติดหัวรบนิวเคลียร์หรือหัวรบตามแบบก่อนที่จรวดจะถึงเป้าหมาย
ปูตินประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า รัสเซียเริ่มต้นทำการผลิตโอเรชนิก แล้ว และย้ำแผนการติดตั้งอาวุธนี้ในเบลารุสปลายปีนี้
ไม่เหมือนกับพวกขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกลข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์ ที่สามารถทำลายล้างเมืองใหญ่ๆ ทั้งเมือง อาวุธอย่างโอเรชนิกยังถือเป็นอาวุธทางยุทธวิธีที่มีพลังอำนาจต่ำกว่า โดยมีพิสัยทำการสั้นกว่า และเหมาะสำหรับโจมตีกองทหารข้าศึกในสนามรบ
ปูตินที่ไปชมการซ้อมรบเมื่อวันอังคารบอกว่า การซ้อมรบครั้งนี้มีทหารราว 100,000 นาย ยานรบและระบบอาวุธ 10,000 ชุดที่มีพิสัยการยิง 41 ระดับเข้าร่วม
ฟื้น ‘ป้อมปราการนิวเคลียร์’ยุคโซเวียต
ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประกาศในเดือนธ.ค.ปีที่แล้วว่า เบลารุสกำลังติดตั้งประจำการอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีของรัสเซียจำนวนหลายสิบลูก
ทั้งนี้ การดำเนินการเช่นนี้ จะเปิดทางให้ให้เครื่องบินรบและขีปนาวุธของรัสเซียไปถึงเป้าหมายต่างๆ ในยูเครนได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นหากต้องการเข้าโจมตี อีกทั้งยังขยายศักยภาพของมอสโกในการโจมตีเป้าหมายจำนวนมากในลนนเสชาติพันธมิตรนาโตซึ่งตั้งอยู่ในยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง
อเล็กซานเดอร์ อเลซิน นักวิเคราะห์อาวุโสของสถาบันสหประชาชาติเพื่อการวิจัยการลดกำลังรบ ซึ่งตั้งฐานอยู่ในกรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส มองว่า แผนการติดตั้งโอริชนิกในเบลารุสอาจทำให้ยุโรปทั้งหมดเผชิญภัยคุกคาม เช่นเดียวกับในยุคสงครามเย็นที่เบลารุสเป็นหนึ่งในฐานส่วนหน้าทางนิวเคลียร์และหนึ่งในป้อมปราการนิวเคลียร์ของโซเวียต โดยมีการติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางจำนวนมากที่เล็งเป้าโจมตียุโรป
อเลซินเสริมว่า สหภาพโซเวียตสร้างที่จัดเก็บอาวุธนิวเคลียร์ในเบลารุสราว 100 แห่ง และบางแห่งกำลังถูกบูรณะเพื่อจัดเก็บอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียในขณะนี้
(ที่มา: เอพี/เอเจนซีส์)