เผยเบื้องหลังจุดแตกหักพรรครวมไทยสร้างชาติ เอกนัฏ-พีระพันธุ์ เถียงกันรุนแรง ก่อนนำ สส.6 เสียงแยกตัวย้ายซบภูมิใจไทย อรรถวิชช์แฉ สส.เรียกร้องขอถอนตัวจากพรรคร่วม แต่หัวหน้าพรรคคุยกับทักษิณแล้วถูกเบรก แถมเจอยาหอมหวังเป็นนายกฯ ส้มหล่น สุดท้ายพรรคเพื่อไทยไม่เอา ยื่นยุบสภา เลยต้องปล่อยฟรีโหวตแทน
วันนี้ (17 ก.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากเกิดกระแสความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อย่างรุนแรง โดยในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้เกิดการโต้เถียงอย่างหนักระหว่างนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค กับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค โดยนายเอกนัฏได้ประกาศกลางที่ประชุมว่าจะขอลาออกจากตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)
ทั้งนี้ สส.ที่อยู่ในสายของนายเอกนัฏ ประกอบด้วย นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี, นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค, น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ สส.สุราษฎร์ธานี เขต 3, น.ส.กานต์สินี โอภาสรังสรรค์ สส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 และนายธานินทร์ นวลวัฒน์ สส.สุราษฎร์ธานี เขต 7
ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า นายเอกนัฏ และนายดวงฤทธิ์ เตรียมประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ขณะที่นายอัครเดช จะลาออกจากตำแหน่งโฆษกพรรคเช่นกัน
ล่าสุดมีรายงานว่า นายเอกนัฏ และนายดวงฤทธิ์ รวมทั้งกลุ่มชุมพร ที่ประกอบด้วย สส.ชุมพร 3 คนที่อยู่ภายใต้การดูแลของนายชุมพล จุลใส หรือลูกหมี และกลุ่มสุราษฎร์ธานี ของ นายชุมพล กาญจนะ ต่างตกลงที่จะย้ายไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยทั้งหมด โดยได้พูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว
โดยกลุ่มของนายชุมพล จุลใส จะเปิดตัวสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยก่อน ส่วนนายเอกนัฏยังไม่ลาออกจากสมาชิกพรรค เพื่อคงสมาชิกสภาพ สส. ไว้ เนื่องจากยังมีภารกิจในตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไข พ.ร.บ.โรงงานฯ ซึ่งยังพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ไม่เสร็จสิ้น แต่คาดว่าจะได้ข้อยุติและสามารถเปิดตัวเข้าร่วมพรรคภูมิใจไทยได้ในสัปดาห์หน้า ตามด้วยกลุ่มสุราษฎร์ธานีจะไปเปิดตัวเข้าพรรคภูมิใจไทยเป็นกลุ่มสุดท้าย
ก่อนหน้านี้ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษา รมว.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ในรายการท็อปทอล์ก ทางสถานีโทรทัศน์ท็อปนิวส์ เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ระบุว่า สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะ สส.ในพื้นที่ เขาบอกว่าต้องถอนตัวจากรัฐบาลแล้ว ซึ่งตอนแรกนายพีระพันธุ์ก็ตกลงตามนั้น แล้วก็รับไปเจรจาว่าจะต้องถอน นายพีระพันธุ์ก็ไปคุยตามนั้น
พอคุยกันเสร็จ นายพีระพันธุ์ก็ไปคุยต่อ ซึ่งก็บอกว่าไปคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นแล้วว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะ สส.พรรคมีความเห็นมาแบบนี้ แต่ด้วยเหตุผลหนึ่งที่สำคัญมาก ที่วันนั้นได้รับคำขอกลับมาคือ ประเทศไทยอยู่ระหว่างเจรจากับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดังนั้นหากเป็นรัฐบาลรักษาการ จะทำให้การเจรจาต้องล้มเลิกไป และประเทศจะเสียหายจากการโดนภาษีในอัตราที่สูงกว่า 19%
นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ทำให้มวลชนที่เคยสนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติไม่พอใจจริงๆ คือ ช่วงหลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายรัฐมนตรีแล้ว แต่นายพีระพันธุ์ยังไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย ที่โรงแรมรอยัลปริ้นเซสต่อในตอนเย็นทันที
"มีคนถามว่าวันนั้นศาลตัดสินแล้ว ทำไมยังไปจับมืออยู่อีก วันนั้นอยากให้ฟังคุณภูมิธรรมดีๆ เพราะคุณภูมิธรรมไม่ได้บอกว่าสนับสนุนคุณชัยเกษม (นิติสิริ) เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะจริงๆ คนถัดไปที่ต้องสนับสนุนให้เป็นนายกฯ คือ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค"
ทั้งนี้ วันนั้นที่นายพีระพันธุ์ไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย ก็เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอาจเป็นของนายพีระพันธุ์ แต่ภายหลัง รู้ว่านายพีระพันธุ์จะไม่ได้เป็นนายกฯ แน่ๆ ก็คือ ตอนที่พรรคเพื่อไทยไปยื่นยุบสภา ซึ่งแปลว่าพรรคเพื่อไทยไม่เสนอนายพีระพันธุ์อยู่แล้ว ดังนั้นสุดท้าย พรรครวมไทยสร้างชาติจึงมีมติให้ฟรีโหวต ซึ่งทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ 33 เสียงจากพรรครวมไทยสร้างชาติไป
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มของนายสุชาติ ชมกลิ่น 18 เสียง และนายเอกนัฏ 6 เสียง โหวตให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วน สส.กลุ่มของนายพีระพันธุ์ มีเพียง 3 เสียงที่โหวตงดออกเสียง ได้แก่ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร สส.นครปฐม เขต 2, นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค และนายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร สส.พัทลุง เขต 2