สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯในวันจันทร์(15ก.ย.) บอกว่ารัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีกำหนดมาตรการรีดภาษีเพิ่มเติมเล่นงานสินค้านำเข้าจากจีน ในความพยายามหยุดปักกิ่งจากการซื้อน้ำมันของรัสเซีย จนกว่าบรรดาชาติยุโรปจะเล่นงานจีนและอินเดีย ด้วยเพดานภาษีสูงลิ่วแบบเดียวกันเสียก่อน
เบสเซนต์ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับทั้งรอยเตอร์และบลูมเบิร์ก ว่าบรรดาชาติยุโรปจำเป็นต้องเล่นบทบาทที่หนักแน่นกว่าเดิม ในการตัดลดรายได้ด้านน้ำมันของรัสเซีย เพื่อทำให้สงครามของมอสโกในยูเครนไปสู่จุดจบ
"เวลานี้เราคาดหมายว่าพวกยุโรปจะดำเนินการในส่วนของพวกเขา และเราจะไม่เดินหน้าโดยปราศจากยุโรป" เบสเซนต์กล่าว เมื่อถูกถามว่าสหรัฐฯจะกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากรัสเซีย อันเกี่ยวข้องกับน้ำมันรัสเซียหรือไม่ หลังก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปรับเพิ่มเพดานภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียอีก 25% ลงโทษในกรณีดังกล่าว
เบสเซนต์ เผยว่าระหว่างที่เขาพูดคุยเจรจาทางการค้าและเรื่อง TikTok กับพวกเจ้าหน้าที่จีนในกรุงมาดริดเมื่อเร็วๆนี้ เขาได้กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐฯได้กำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียไปแล้ว และกรณีที่ ทรัมป์ ส่งเรียกร้องให้บรรดาชาติยุโรปกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนและอินเดียในอัตรา 50% และ 100% ตามลำดับ เพื่อตัดรายได้จากน้ำมันของรัสเซีย อย่างไรก็ตามฝ่ายจีนตอบกลับมาว่าการซื้อน้ำมัน "เป็นเรื่องของอธิปไตย"
ทั้งนี้ เบสเซนต์ ได้ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์บรรดาชาติยุโรปบางส่วนที่ยังคงซื้อน้ำมันรัสเซีย และบางส่วนซื้อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจากอินเดีย ที่กลั่นจากน้ำมันดิบลดราคาของรัสเซีย โดยบอกว่ามันเป็นการมอบเงินสนับสนุนความขัดแย้งบริเวณสนามหญ้าหลังบ้านตัวเอง
"ผมรับประกันกับคุณเลยว่า ถ้ายุโรปดำเนินการรีดภาษีรองอย่างเป็นรูปธรรมกับบรรดาผู้ซื้อน้ำมันรัสเซีย สงครามจะจบลงภายใน 60 วัน หรือ 90 วัน เพราะว่ามันเป็นการตัดลดแหล่งรายได้หลักของมอสโก" เบสเซนต์กล่าว
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯบอกต่อว่ามาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียต่อกรณีจัดซื้อน้ำมันรัสเซีย ได้นำมาซึ่งความคืบหน้าเป็นอย่างมากในการเจรจากับอินเดีย ทั้งนี้นิวเดลีและวอชิงตันจะจัดเจรจาหารือกันอีกรอบในวันอังคาร(16ก.ย.) ท่ามกลางสุ้มเสียงที่อบอุ่นขึ้นระหว่างทรัมป์ กับ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย
เบสเซนต์ ระบุด้วยว่าสหรัฐฯมีความตั้งใจทำงานร่วมกับบรรดาชาติยุโรป ในการพิจารณายกระดับคว่ำบาตรองค์กรและบริษัทต่างๆของรัสเซีย ในนั้นรวมถึงบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง รอสเนฟต์ และ ลุคออย เช่นเดียวกับดำเนินการต่างๆในการเตรียมนำทรัพย์สินรัฐอธิปไตยของรัสเซียไปใช้ หลังจากดำเนินการอายึดทรัพย์สินเหล่านี้ มาตั้งแต่ครั้งที่มอสโกเปิดฉากรุกรานยูเครนในปี 2022 ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ในการนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการปล่อยกู้แก่ยูเครน
(ที่มา:รอยเตอร์)