xs
xsm
sm
md
lg

เปิดขั้นตอนอายัดบัญชีมั่ว แค่กล่าวอ้างแบบไร้หลักฐาน แต่ปลดล็อคใช้ระบบกระดาษ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



อายัดบัญชีมั่ว! แค่โทรแจ้งก็โดน อ้างปราบโกงออนไลน์ แต่ปลดล็อคยากเย็น ร้อยเวรแบกภาระเอกสาร ทั้งที่ สอท. เป็นคนสั่งอายัด ผู้บริสุทธิ์เดือดร้อน ธุรกิจรับเงินสดแทน ผบช.สอท. ยันมาตรการจำเป็น เร่งแก้ไขระบบแล้ว

กระแสความสนใจของคนในสังคมในเวลานี้คงไม่มีเรื่องไหนจะน่าสนใจเท่ากับปัญหาที่ผู้ประกอบการหลายรายโดยอายัดบัญชีธนาคาร เพราะเงินจากผู้ใช้บัญชีม้าโอนเข้ามา ทั้งที่ผู้รับเงินไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่ออาชญากรรมออนไลน์แต่อย่างใด ซึ่งส่งผลต่อผลการทำธุรกิจทำให้ตอนนี้ขอรับการชำระเงินเป็นเงินสดเท่านั้น

โดยในเรื่องนี้ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เป็นตำรวจท่านหนึ่ง (Ananta Chaya) โพสต์เล่าปัญหาเกี่ยวกับระบบการอายัดบัญชีธนาคาร ที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากถูกอายัดบัญชี โดยไม่มีหลักฐานเพียงพอ และไม่มีโอกาสได้แก้ต่างก่อนถูกดำเนินการ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

ขั้นตอนที่เกิดปัญหา มีคนโทรแจ้ง 1441 ว่าถูกโกง พร้อมระบุหมายเลขบัญชี ธนาคารตรวจสอบว่า มีรายการโอนจริง ก็ใช้อำนาจตามพระราชกำหนด (พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568) อายัดบัญชีทันที 3 วัน

ข้อมูลถูกส่งเข้าระบบรับแจ้งความออนไลน์ (TPO) ระบบจะแจกคดีให้ร้อยเวรประจำโรงพัก โดยที่เจ้าของบัญชี ยังไม่ได้แจ้งความ หรือไม่มีหลักฐานใด ๆ บช.สอท. (กองบัญชาการอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ใช้ข้อมูลจาก TPO ออก 'หมาย H' ไปยังธนาคาร เพื่ออายัดบัญชี แม้จะยังไม่มีการสอบสวนหรือตรวจสอบข้อเท็จจริงใด ๆ บช.สอท. เป็นคนออก 'หมาย H' และอายัดบัญชี โดยธนาคารเป็นคนเลือกว่า บัญชีไหนจะโดน ตามเส้นทางการเงิน แต่เมื่อมีปัญหา กลับให้ ร้อยเวรโรงพัก เป็นคนดำเนินการปลดอายัด ซึ่งร้อยเวร ไม่ได้เป็นผู้สั่งอายัด และยังต้องทำงานเอกสารซับซ้อนมากกว่าคนออกหมายเสียอีก

เจ้าของบัญชีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กลับถูกอายัดบัญชีทั้งหมดที่ใช้บัตรประชาชนเดียวกัน ขั้นตอนการปลดอายัดล่าช้า เพราะต้องรอร้อยเวรเขียนเอกสาร เสนอขออนุมัติ และแสกนส่งกลับระบบ ร้อยเวรต้องแบกรับงานเอกสารเพิ่ม ทั้งที่หน้าที่หลักคือการสอบสวนคดี ไม่ใช่แก้ระบบที่ตัวเองไม่ได้เริ่ม

ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยว่า กล่าวว่า มาตรการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ กำหนดระงับบัญชีต้องสงสัยชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ โดยใช้แนวทางนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งสามารถช่วยปิดกั้นเงินผิดกฎหมายได้ ต้องยอมรับว่า หลังจากที่มีมาตรการดังกล่าวทำให้คนร้ายนั้นปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการเพื่อนำเงินที่หลอกลวงพี่น้องประชาชนออกจากระบบ จากเดิมจะให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีม้าก่อนนำบัญชีม้ากระจายไปยังบัญชีแถวสองแถวสาม และไปซื้อเงินสกุลดิจิทัล แต่ปัจจุบันพบว่าแทนที่จะซื้อคริปโท หรือสกุลเงินดิจิทัล กลับโอนซื้อสินค้ากับทางร้านค้าโดยตรง และให้ร้านค้าส่งสินค้าไปยังจุดที่คนร้ายได้เตรียมไว้ ก่อนนำสินค้าไปเล่นแร่แปรธาตุเป็นเงิน ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งในการฟอกเงิน และเริ่มกระจายมายังกลุ่มร้านค้ารายย่อย

อย่างกรณีล่าสุดที่คนร้ายปรับวิธีการนำเงินออก คือจะโอนเงินเข้าบัญชีของเด็กและเยาวชน เป็นเงิน 1 แสนบาท จากนั้นจะโทรศัพท์ไปหาเด็ก ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี พร้อมบอกว่าโอนผิด ให้โอนเงินกลับไปยังบัญชีม้าที่เตรียมไว้ ซึ่งนั่นก็ทำให้บัญชีของเด็กคนดังกล่าวถูกอายัดไปด้วย ซึ่งปัจจุบันตำรวจได้มีการปลดอายัดบัญชีของเด็กเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและสถาบันการเงินดำเนินการตามมาตรการเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เงินของสุจริตชนตกไปถึงมือของคนร้าย

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า ได้ระดมเจ้าหน้าที่ประสานข้อมูลกับธนาคารเพื่อตรวจสอบและแก้ไขให้เร็วขึ้น พร้อมเปิดช่องผ่านทางโทรศัพท์ในการรับแจ้งข้อมูลเพื่อตรวจสอบในระบบศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนการอายัดบัญชี ซึ่งยืนยันว่าประชาชนสุจริตชนสามารถใช้บัญชีในการทำธุรกรรมซื้อขายได้ตามปกติ ทั้งนี้ต้องมั่นใจว่าได้รับเงินจากบัญชีของคู่ค้าโดยตรง และหากมียอดชำระสูงจะต้องตรวจสอบบัตรประชาชนกรณีร้านทอง ส่วนประชาชนรายใดโดนอายัดสามารถยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารของตัวเอง หรือสอบถามข้อมูลกระบวนการการขอยกเลิกการอายัด ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการอายัดบัญชีของ CCIB 09-5425-7478 หรือ 1441 และจากความกังวลของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น ทาง บช.สอท.ไม่นิ่งนอนใจ ได้หารือกับ สถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย และเห็นชอบร่วมกันเบื้องต้นว่าจะเร่งปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริตโดยเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น