นายกสมาคมค้าทองคำไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ที่ไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชากว่า 6.8 หมื่นล้าน เผยไทยนำเข้าแต่ไม่มาก ก่อนหน้านี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน อ้างมีการส่งออกทองคำไปกัมพูชาผิดปกติ กระทบเงินบาทแข็งค่า วอนภาครัฐตรวจสอบหวั่นเกี่ยวข้องกับธุรกิจใต้ดิน
วันนี้ (11 ก.ย.) นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) พบการส่งออกทองคำไปประเทศกัมพูชาอย่างผิดปกติ ซึ่งกระทบทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นว่า ตนคิดว่าข่าวเรื่องนี้น่าจะมีความสับสนอยู่บ้าง เพราะอ้างตัวเลขส่งออกสูงเป็นหมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่ทราบที่มาชัดเจน และดูแล้วน่าจะเป็นไปไม่ได้ โดยหากไปรวมอยู่ในหมวดอัญมณีก็จะไม่ใช่ทองคำ ตนยังไม่แน่ใจว่าทาง กกร. ใช้ข้อมูลตัวเลขจากไหนมาอ้างอิง มีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งเท่าที่ตนตรวจสอบก็ยังไม่มีหน่วยงานที่ยืนยันตัวเลขดังกล่าว
ทั้งนี้ เมืองไทยนำเข้าทองคำ เราไม่มีเหมืองทองเยอะ ส่วนใหญ่นำเข้ามา ซึ่งก็ไม่ได้นำเข้ามามาก ดังนั้นจะส่งออกเยอะกว่าการนำเข้าได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ แล้วอีกประเด็นที่น่าสงสัย ประเทศเพื่อนบ้านมีภาษี แล้วธุรกรรมต้องผ่านธนาคาร ทั่วโลกมีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ควบคุมหมด ถ้าส่งออกไป ก็ต้องมีตัวเลขทางการ ต้องผ่านกรมศุลกากร ผ่านธนาคารพวกนี้อ้างอิง จึงสงสัยว่า ตัวเลขที่อ้างว่าส่งออกไปเยอะๆ มาจากไหน ใครเป็นผู้ส่งออก และใครเป็นผู้นำเข้า ข้อมูลที่ออกมาดูจะพูดกันลอยๆ อยู่
ก่อนหน้านี้ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กกร. ได้เห็นความผิดปกติในเรื่องการส่งออกทองคำ ซึ่งอาจจะมีผลที่ทำให้ค่าเงินของไทยแข็งค่าขึ้นมา โดย กกร. กำลังลงรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้ง และจะมีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล ในการลงรายละเอียดที่ชัดเจนและหาแนวทางแก้ไขต่อไป โดยยกตัวอย่างการส่งออกไปกัมพูชา หมวดที่สูงมากคืออัญมณีและเครื่องประดับ
โดยตั้งข้อสังเกตว่ากัมพูชาเป็นประเทศเล็กๆ แต่ทำไมไทยถึงมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าประเภทนี้ไปค่อนข้างเยอะ แต่หลังจากที่ กกร. ไปดูในรายละเอียดกลับพบว่าเป็นทองคำส่วนใหญ่ ในสัดส่วนการส่งออกสินค้าหมวดหมู่นี้ โดยล่าสุดเดือน ม.ค. ถึง ก.ค. 2568 ไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชา เป็นอันดับ 2 รองจากสวิสเซอร์แลนด์ มูลค่ากว่า 2,149 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ ประมาณ 68,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.3% คิดเป็นสัดส่วน 28.2% เทียบกับการส่งออกทองคำทั้งหมด
จากที่ทราบกันดีว่าประเทศกัมพูชามีปัญหาในเรื่องของสแกมเมอร์ที่ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้ กกร. ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมประเทศไทยส่งออกทองคำที่กัมพูชาค่อนข้างเยอะและมากผิดปกติ และมีความกังวลว่าเรื่องนี้จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจใต้ดินหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามและจับตาดูต่อไป เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด การตั้งข้อสังเกตในปัจจัยดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กกร. ยังไม่ได้ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เรื่องนี้อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่คาดไม่ถึง เพราะเป็นเศรษฐกิจนอกระบบ ซึ่งการส่งออกทองคำไปกัมพูชาอาจจะมีทั้งถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย ต้องดูที่รายละเอียดกันอีกครั้งหลังการหารือร่วมกับรัฐบาล
สำหรับตัวเลขการส่งออกทองคำไปยังกัมพูชานั้น อยู่ที่หลักหมื่นล้านบาท ส่วนสัดส่วนที่แน่ชัดจะต้องตรวจสอบอีกครั้ง แต่ปกติที่ผ่านมาตัวเลขจะไม่เยอะเท่านี้ ซึ่งนอกจากปัญหาอื่นก็แน่นอนว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งหากมองในความเป็นจริงเศรษฐกิจไทยไม่ดี และ ขณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ลดดอกเบี้ยไป 0.25% แล้ว เงินบาทต้องอ่อนค่าแต่กลับแข็งขึ้น ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันถือว่าผิดปกติ