รมช.กลาโหม เผยผลประชุมจีบีซีไทย-กัมพูชา เห็นชอบข้อตกลง 5 ข้อ ถอนอาวุธหนักออกจากชายแดน เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบปรามสแกมเมอร์ บริหารจัดการพื้นที่ชายแดนตามโมเดลบ้านหนองจาน และเปิดจุดผ่านแดนบางจุดให้ขนส่งสินค้า เริ่มจากจันทบุรีและตราด ย้ำไทยและกัมพูชาไม่อาจย้ายหนีจากกันไปได้ ต้องใช้สันติวิธีแก้ปัญหา ให้ทั้งสองประเทศกลับมาใช้ชีวิตปกติ
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทารา ชานทะเลแอนด์วิลล่า อ.คลองใหญ่ จ.ตราด พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือจีบีซี (GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า วันนี้ได้เป็นประธานการประชุมจีบีซี ร่วมกับ พล.อ.เตีย เซีย ฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชา ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา วัตถุประสงค์ในครั้งนี้ ได้ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลการประชุมจีบีซีครั้งที่แล้ว ที่ประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะข้อตกลงหยุดยิง รวมทั้งแนวทางการดำเนินการต่อไปเพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขกลับมาสู่พื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร
การหารือวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าหลายด้าน นับตั้งแต่การประชุมจีบีซีครั้งที่แล้ว ถือเป็นความสำเร็จใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างกัน และยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายจะยึดมั่นแนวทางในต่อไป ถึงแม้ว่ายังมีข้อห่วงกังวลบางประการที่ทำให้ฝ่ายไทย รวมถึงประชาชนไทยไม่สบายใจ และอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กลับไปเป็นดังเดิมก็ตาม แต่สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และเป็นพัฒนาการสำคัญจากการประชุมจีบีซีในครั้งนี้ ได้แก่
1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการและเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
2. การเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยจะมีการตั้งคณะประสานงานร่วม ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และศูนย์ทุ่นระเบิดของไทยและกัมพูชา ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และกำหนดพื้นที่นำร่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือน
3 การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งคณะทำงานภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติงานร่วมกัน ทั้งนี้ ฝ่ายไทย ได้ส่งมอบข้อมูลและพิกัดที่ตั้งของสแกมเซนเตอร์กว่า 60 แห่งให้กัมพูชา ให้ฝ่ายกัมพูชาไปดำเนินการขั้นเด็ดขาด ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะทำงานนี้จะหารือกัน ซึ่งผู้แทนของตำรวจไทยและรองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชาได้หารือกันนอกรอบ เพื่อนัดหมายการประชุมประสานงานตามข้อตกลงนี้เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดการในวันที่ 16 ก.ย. ที่จังหวัดสระแก้ว
4. การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา หารือเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว และให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) หารือแนวทางการบริหารจัดการบนพื้นฐานผลการหารือในกรอบที่เจบีซี โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประสานงานกันเพื่อให้บริหารจัดการสถานการณ์ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้หากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ จะนำไปใช้บริหารจัดการพื้นที่อื่นที่มีปัญหาลักษณะเดียวกันต่อไป
5. หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด ระหว่างที่สถานการณ์ยังไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และการขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้กลไกอาร์บีซี ไปหารือความเป็นไปได้ในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนตามแนวชายแดนจังหวัดจันทบุรีและตราด
"นอกจากการที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนแล้ว พัฒนาการสำคัญของการประชุมจีบีซีในครั้งนี้ คือการที่ทั้งสองฝ่ายได้กำหนดแนวทางดำเนินการในสองเรื่องที่ไทยให้ความสำคัญ แต่ก่อนหน้านี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่เคยตอบรับ ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย จะติดตามฝ่ายกัมพูชาให้มีการดำเนินการตามที่ได้ตกลงกันโดยเร็ว" พล.อ.ณัฐพล กล่าว
สำหรับการประชุมจีบีซีสมัยพิเศษครั้งต่อไป จะกำหนดให้เกิดขึ้นภายใน 30 วัน โดยมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ย้ำว่าไทยและกัมพูชาไม่อาจย้ายหนีจากกันไปได้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาต่างๆ โดยสันติวิธี เพื่อนำสันติภาพมาสู่พื้นที่ชายแดน และประชาชนทั้งสองประเทศจะได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติอีกครั้ง