ทักษิณกลับไทย! ศาลฎีกาตัดสินชะตาคดีวันนี้ 3 แนวทาง: คงเดิม, สั่งใหม่, หรือสอบเจ้าหน้าที่รัฐ หลังเดินทางถึงไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัวเมื่อวานนี้ ศาลนัดฟังคำสั่งบังคับโทษคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ
ในที่สุดวันตัดสินชี้ชะตา 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มาถึง โดยวันที่ 9 กันยายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งบังคับโทษคดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยอดีตนายกฯทักษิณ ได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 กันยายน เวลาประมาณ 15.00 น. ด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว Bombardier Global 7500 ซึ่งเป็นไปตามกำหนดการที่ทักษิณได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับแนวทางคำสั่งของศาลฎีกาฯ ที่จะออกมานั้น มีการประเมินไว้ 3 แนวทาง ดังนี้
1.ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งหลังทำการไต่สวนการบังคับโทษ นายทักษิณ แล้วพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ กระบวนการทุกอย่างดำเนินไปตามกฎหมาย
2.ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งว่าการบังคับโทษ นายทักษิณ โดยเฉพาะการส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ 6 เดือน ไม่ชอบด้วยกกฎหมาย โดยแนวทางที่ 2 นี้ ตัวคำสั่งอาจไม่มีการระบุถึงตัวนายทักษิณว่า ต้องรับผิดชอบ หรือรับโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร
3. ศาลฎีกาฯ เห็นว่า ไม่ได้มีการบังคับโทษจำคุกนายทักษิณตามคำพิพากษาของศาลฎีกา โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจรัฐและช่องโหว่ของกฎหมายคอยช่วยเหลือให้นายทักษิณไม่ได้รับการจำคุกโดยที่นายทักษิณน่าจะมีส่วนรับรู้และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือดังกล่าว ดังนั้น นายทักษิณจึงต้องกลับไปเข้าสู่กระบวนการบังคับโทษใหม่อีกครั้งพร้อมกับให้มีการสอบสวนลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐ
อีกด้านหนึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ฟังคำสั่งที่ยื่นขอให้ศาลห้ามนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางออกนอกราชอาณาจักร กรณีการบังคับโทษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 5 ก.ย. โดยภายหลังการเข้ารับฟังคำสั่ง นายชาญชัย เปิดเผยว่า ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ให้เหตุผลว่าตัวเองไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่มีสิทธิ์ร้องขอให้จำเลยห้ามออกนอกประเทศ ซึ่งต้องยอมรับคำตัดสิน เพราะถือว่าทำหน้าที่ของประชาชนแล้ว
ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าศาลฎีกา เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 1 และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลฎีกาได้ช่วยกันนำแผงเหล็กมาปิดกั้นพื้นที่ และจัดเตรียมพื้นที่เอาไว้เพื่อที่จะรับรอง มวลชนที่เข้ามาติดตามการพิจารณาคดี รวมถึงสื่อมวลชนต่างๆที่จะเข้ามาในพื้นที่ โดยจะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด