ทรัมป์เผยผู้นำยุโรปบางชาติกำลังจะเดินทางมาหารือกับเขาที่ทำเนียบขาวเรื่องยุติสงครามในยูเครน ขณะเดียวกันเขาก็ลั่นปากขู่อีกครั้งว่าพร้อมออกมาตรการแซงก์ชันรัสเซียระลอกสอง อย่างไรก็ดี เครมลินตอบโต้ทันควัน ลั่นมาตรการแซงก์ชันทำอะไรเศรษฐกิจรัสเซียไม่ได้ และไม่อาจบีบให้มอสโกเปลี่ยนแปลงจุดยืนเกี่ยวกับสงครามยูเครน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (7 ก.ย.) ว่า ไม่พอใจสถานการณ์โดยรวม และเสริมว่า ผู้นำบางชาติของยุโรปจะเดินทางไปอเมริกาในวันจันทร์ (8)หรืออังคาร (9) เพื่อหารือเกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครน แต่ไม่ได้ระบุว่า เป็นผู้นำชาติใด ก่อนเสริมว่า เร็วๆ นี้จะคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินด้วย
ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า คณะบริหารสหรัฐฯ พร้อมออกมาตรการแซงก์ชันรัสเซียระลอกสอง
การเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันอาทิตย์รัสเซียใช้โดรนอย่างน้อย 810 ลำ และขีปนาวุธ 13 ลูกโจมตีทางอากาศต่อยูเครนครั้งใหญ่ที่สุดนับจากเริ่มสงคราม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน อีกทั้งยังโจมตีอาคารหลักของรัฐบาลยูเครนในเคียฟเป็นครั้งแรก
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน ให้สัมภาษณ์กับเอบีซี นิวส์ว่า การที่หุ้นส่วนในยุโรปยังซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียถือว่า “ไม่ยุติธรรม” และเรียกร้องให้ประเทศเหล่านั้นเลิกซื้อพลังงานจากรัสเซีย
เซเลนสกี้ยังยินดีที่ทรัมป์มีแผนเรียกเก็บภาษีทุติยภูมิกับประเทศที่ค้าขายกับรัสเซีย เพื่อจำกัดความสามารถของมอสโกในการระดมเงินไปใช้ในการทำสงครามในยูเครน
จากข้อมูลของศูนย์เพื่อการวิจัยด้านพลังงานและอากาศสะอาด นับตั้งแต่เปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบในเดือนมีนาคม 2022 รัสเซียขายน้ำมันและก๊าซราว 985,000 ล้านดอลลาร์ โดยลูกค้ารายใหญ่สุดคือจีนและอินเดีย
ด้านสหภาพยุโรป ยังคงซื้อพลังงานจากรัสเซียแต่ลดปริมาณลงอย่างมาก และเมื่อเดือนมิ.ย.ได้เปิดแผนเลิกซื้อพลังงานจากรัสเซียโดยเด็ดขาดภายในปี 2027
ขณะเดียวกัน เดือนที่แล้วอเมริกาสั่งรีดภาษีสินค้าอินเดีย 50% เพื่อลงโทษที่อินเดียยังซื้อน้ำมันรัสเซีย กระนั้น ทางการนิวเดลีประกาศว่า จะสานต่อ “ข้อตกลงที่ดีที่สุด” ในการซื้อน้ำมันต่อไปเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประชาชน
นอกจากนั้น ในการประชุมที่ปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียยังประกาศจัดส่งก๊าซให้จีนเพิ่ม
วันอาทิตย์ สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับรายการมีท เดอะ เพรสส์ของเอ็นบีซีว่า อเมริกาต้องการการสนับสนุนจากอียูในการกำหนดภาษีทุติยภูมิกับประเทศที่ซื้อน้ำมันรัสเซีย และเสริมว่า ถ้าชาติอียูเพิ่มมาตรการแซงก์ชันและภาษีทุติยภูมิต่อประเทศที่ซื้อน้ำมันรัสเซีย เศรษฐกิจรัสเซียจะล่มจมและบีบให้ปูตินต้องยอมเจรจาข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน
ทว่า ในวันจันทร์ ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ยืนยันกับอเล็กซานเดอร์ ยูนาเชฟ ผู้สื่อข่าวประจำเครมลินว่า มาตรการแซงก์ชันของตะวันตกไม่สามารถดกดดันให้รัสเซียเปลี่ยนแปลงจุดยืนแน่วแน่ที่ปูตินประกาศไว้ได้
ตะวันตกนั้นแซงก์ชันรัสเซียคิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านจากกรณีที่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อ 3 ปีก่อน และเข้าผนวกไครเมียในปี 2014 โดยคาดหวังโจมตีเศรษฐกิจมูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ของรัสเซีย และบ่อนทำลายการสนับสนุนปูติน
กระนั้น ปูตินประกาศว่า เศรษฐกิจรัสเซียที่โตเร็วกว่าชาติสมาชิกจี7 เสียอีก สามารถต้านทานมาตรการลงโทษของตะวันตกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสั่งภาคธุรกิจและเจ้าหน้าที่ให้ต่อต้านการแซงก์ชันทุกวิถีทางที่ทำได้
เปสคอฟที่ควบตำแหน่งรองหัวหน้าคณะทำงานของเครมลินเสริมว่า มอสโกต้องการบรรลุเป้าหมายด้วยแนวทางการเมืองและการทูต แต่ถ้ายุโรปและเคียฟไม่ร่วมมือด้วย รัสเซียก็จะเดินหน้า “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ในยูเครนต่อไป
มหาอำนาจตะวันตกและยูเครนไม่คิดว่า ปูตินจริงจังกับสันติภาพ และเรียกร้องให้นานาชาติทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางไม่ให้มอสโกชนะสงคราม
ทั้งนี้ เศรษฐกิจรัสเซียขยายตัว 4.1% ในปี 2023 และ 4.3% เมื่อปีที่แล้ว แต่การเติบโตในปีนี้ลดลงอย่างรุนแรงจากความกดดันด้านอัตราดอกเบี้ยระดับสูง
วันพฤหัสฯ ที่แล้ว (4 ก.ย.) เกรมาน เกรฟ ซีอีโอสเบอร์แบงก์ หนึ่งในนายแบงก์ทรงอิทธิพลที่สุดในรัสเซีย เตือนว่า เศรษฐกิจรัสเซียซบเซาลงและอาจถดถอย เว้นแต่จะมีการลดดอกเบี้ย ขณะที่รายงานจากธนาคารกลางชี้ว่า รัสเซียเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคแล้ว
(ที่มา: บีบีซี/รอยเตอร์)