หนึ่งในบัญชีโยกย้ายข้าราชการระดับสูงที่สังคมไทยให้ความสนใจตลอดก็คือ “กระทรวงกลาโหม” ซึ่ง “บิ๊กเล็ก-พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า ได้ส่งบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายให้กับ “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ในการประชุมสภากลาโหมเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่ง พล.อ.ณัฐพล เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล โดยมี พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ร่วมประชุมนั้น มีบทสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับตำแหน่งสำคัญๆ ได้แก่ “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศและปลัดกระทรวงกลาโหม” โดยโผรายชื่อที่ออกมามีดังต่อไปนี้คือ พลเอก ธราพงษ์ มะละคำ (ตท.24) เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ (ตท.24) เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลอากาศเอก เสกสรร คันธา (ตท.26) เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ (ตท.24)
ขณะที่ทางด้าน “กองทัพบก” นั้น “บิ๊กปู-พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ยังไม่เกษียณอายุราชการ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของ 5 เสือ ทบ.โดยมีชื่อของ พลเอก ชิษณุพงษ์ รอดศิริ(ตท.26) ผช.ผบ.ทบ. ขึ้นเป็น รองผบ.ทบ. พลโท อมฤต บุญสุยา (ตท.27) แม่ทัพภาคที่ 1 เป็น ผช.ผบ.ทบ. พลโท ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ (ตท.26) ผบ.นสศ.เป็น ผช.ผบ.ทบ. พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ (ตท.26) เป็นเสนาธิการทหารบก
เรียกว่า 5 เสือ ทบ.มี ตท.26 ถึง 4 คนคือ ผบ.ทบ. ,รองผบ.ทบ. ,ผช.ผบ.ทบ., และเสธฯทบ. มีเพียง พล.ท.อมฤต บุญสุยา คนเดียวเท่านั้นที่เป็น ตท.27
ส่วนระดับ “แม่ทัพภาค” ที่ถูกจับตาไม่แพ้กัน มีชื่อ พลโท วรยส เหลืองสุวรรณ (ตท.28) แม่ทัพน้อยที่ 1 เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แทน พลโท อมฤต บุญสุยา และ พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ (ตท.26) รองแม่ทัพภาคที่ 2 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 แทน “บิ๊กกุ้ง-พลโท บุญสิน พาดกลาง” นอกจากนี้ยังมีการขยับ พลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาค2 เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 26 ของ พลเอกพนา ข้ามจากภาคอีสานลงมาเป็นแม่ทัพภาค 4 แทน พลโท ไพศาล หนูสังข์ ที่ถูกขยับขึ้นมาเป็นพลเอก ที่ บก.ทบ.
ด้านแม่ทัพภาค 3 พลตรี วรเทพ บุญญะ (ตท.26) รอง แม่ทัพภาค 3 ขยับเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ส่วนอีกเก้าอี้สำคัญคือ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงคราม (ผบ.นสศ.) พลตรี อดุลย์ จันทร์มา (ตท.26) รอง ผบ.นสศ. ขึ้นเป็น ผบ.นสศ. แทน พลโท ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ที่ขยับขึ้นผู้ช่วยผบ.ทบ.เพื่อเตรียมจ่อชิงเก้าอี้ผบ. ทบ ในปี 2570 ส่งผลให้เตรียมทหารรุ่น 26 กวาดเรียบตำแหน่งแม่ทัพภาค ยกเว้นกองทัพภาคที่ 1 อีกเช่นกัน
กระนั้นก็ดี ต้องยอมรับว่า ในส่วนของกองทัพบกเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากสำหรับเก้าอี้ของ “แม่ทัพใหญ่-พลโท อมฤต บุญสุยา” หลังเกิดสงครามแนวชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาว่า อาจจะสะดุด แต่ในที่สุดก็ยังคง “เหนียว” จะด้วยความเหมาะสมหรือเพราะเป็น “สายตรงลุง” ก็ไม่ทราบได้ เพราะปรากฏชื่อเข้าไลน์ “5 เสือ ทบ.” ในเก้าอี้ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เพื่อชิงเก้าอี้ผบ.ทบ.หลัง “พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์” เกษียณอายุราชการในปี 2570 หรืออีก 2 ปี
อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ พลโทอมฤตที่จะฝ่าด่านมานั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.ต่อจากพลเอกพนา โดยเฉพาะเมื่อดูจากการจัดวางตำแหน่งแล้ว ด้วยยังเหลือ ตท.26 เข้าไลน์ 5 เสือ ทบ.ในตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ.มาพร้อมกันคือ พลโท ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ เข้ามาเป็นคู่ชิงเบียดกับ พลโท อมฤต แถมเกษียณอายุราชการในปีเดียวกันคือ 2571 อีกต่างหาก นอกจากนี้ ยังมีการจับจ้องไปถึงสายสัมพันธ์ระหว่างพลเอก พนากับ ตท.28 ที่มีความใกล้ชิดกัน และถูกมองว่าจะมาเป็นทายาทอำนาจต่อ นั่นก็คือ พลโท วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพน้อย 1 ที่มีชื่อจ่อจะขึ้นเป็นแม่ทัพภาค 1 ในโยกย้ายครั้งนี้และมีอายุราชการถึงปี 2571 ซึ่งนั่นหมายความว่า อาจมีสิทธิท้าชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.กับพลโท อมฤต ได้
ขณะเดียวกันก็คงไม่อาจลืมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการโยกพลเอก พนาข้ามห้วยออกนอกทบ.ไปเป็นเก้าอี้ ผบ.ทสส. ก่อนเกษียณอายุราชการ ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่ในการจัดวางตำแหน่งแม่ทัพนายกองเที่ยวนี้จึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง และนั่นก็เป็นเหตุผลว่า ทำไม ตท.26 ถึงก้าวเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญในกองทัพบกค่อนข้างมาก ทั้งในส่วนของ 5 เสือ ทบ.และบรรดาแม่ทัพภาคต่างๆ
ที่น่าสนใจก็คือ ในยามที่อะไรๆ ไม่แน่นอนสำหรับเก้าอี้ของสายตรงลุงอย่างพลโท อมฤต ดูเหมือนว่า เจ้าตัวที่ปกติเป็นคนเงียบๆ จะมีความเคลื่อนไหวให้เห็นในยามนี้หลังจากเสียรังวัดอย่างมากในสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะที่จังหวัดสระแก้ว ที่สังคมมองว่า ไม่เด็ดขาดและคำนึงถึงมิตรไมตรีกับกัมพูชามากเกินไป กระทั่งทำให้กัมพูชาไม่เกรงกลัว นั่นคืออยู่ๆ ก็ปรากฏข่าวพลตรี สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 และโฆษกกองทัพภาคที่ 1 แถลงข่าวเมื่อวันที่ 3 กันยายนว่า “แม่ทัพภาคที่ 1 ฝากบอกสื่อมวลชนว่า ท่านทำทุกอย่างด้วยความถูกต้องภายใต้คุณธรรม หลักการปิดทองหลังพระ และท่านไม่ชอบฉายแสง แต่อาจจะถูกใจ แต่ก็ไม่เป็นไร ... ต้องอดทน อดกลั้น เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมา มาบอกประชาชนก่อน เราได้เอาอำนาจอธิปไตยของเรา เรากำลังเอากลับคืนมา ท่านกำลังทำต่อ ..ท่าน พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 มีความเข้มแข็งรอบคอบ เพียงแต่ท่านไม่ใช่นักพูดแบบผม ท่านไม่ได้ต้องการแสงอะไรมากมาย แต่ท่านต้องการผลงาน”
นอกจากนี้ พลตรีสุรวิชญ์ยังร่ายยาวถึงขั้นตอนการดำเนินการทางยุทธการของแม่ทัพภาคที่ 1 ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาที่รับผิดชอบว่า ได้สั่งการและเตรียมกำลังในการเคลื่อนย้ายกำลังเข้าพื้นที่ปฏิบัติการในจังหวัดสระแก้ว พร้อมดำเนินการตามแผนจักรพงศ์ 681 แต่เช้ามืดวันที่ 26 กรกฎาคมต่อที่หมายพื้นที่ปฏิบัติการเพื่อตรึงการปฏิบัติการของฝ่ายตรงข้าม ใน 4 พื้นที่ ตามที่กองทัพบกมอบหมาย โดยต่อไปนี้จะไม่ให้ชาวกัมพูชาเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของไทย และจะไม่เป็นพี่ใหญ่ใจดีอีกแล้ว
จากนั้นในวันถัดมาคือวันที่ 4 กันยายน พลโท อมฤตก็ลงพื้นที่สระแก้วเพื่อติดตามสถานการณ์อันไม่ปกติที่โนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว และพบปะพูดคุยกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.)
ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ไปต่างๆ นานาว่า อาจจะมีการปรับแผนเพื่อสร้าง “ภาพลักษณ์ใหม่” ให้กับพลโท อมฤต ไม่เช่นนั้น เส้นทางเติบโตในอนาคตอาจจะเดินไปไม่ถึงฝั่งฝันได้
สำหรับโผโยกย้ายในแต่ละเหล่าทัพนั้น “กองทัพอากาศ” โดย “บิ๊กไก่-พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เสนอชื่อ พลอากาศเอก เสกสรร คันธา (ตท.26) ผช.ผบ.ทอ. ที่เกษียณ 2571 ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ โดยมี พลอากาศเอก สรรพชัย ศิลานิล (ตท.25) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ขึ้นเป็นประธานคณะที่ปรึกษาทอ. พลอากาศเอก สุชาติ เทพรักษ์(ตท.25) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. เป็นรองผบ.ทอ. พลอากาศเอก วชิระพล เมืองน้อย(ตท.27) เสนาธิการทหารอากาศ (เสธ.ทอ.) ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทอ. พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี (ตท.26) รองเสธ.ทอ. ขยับเป็น ผช.ผบ.ทอ. ขณะที่ พลอากาศโท อนุรักษ์ รมณารักษ์ (ตท.28) จากรองเสนาธิการทหารอากาศ เป็น เสธ.ทอ. เข้าไลน์ “5 เสือ ทอ.” ส่วน พลอากาศเอกไวพจน์ เกิงฝาก (ตท.25) ผบ.คปอ.ข้ามไป เป็น รองผบ.ทหารสูงสุด และเป็นที่คาดและลุ้นกันว่า พลอากาศโท ระวิน ถนอมสิงห์ (ตท.26) เสธ.คปอ. นักบินF16 มือหนึ่งของทอ. จะ ขยับขึ้น ผบ.คปอ. หรือไม่ โดยมีชื่อ พลอากาศโท พิทูร เจริญยิ่ง รองผบ.คปอ. (ตท.26) ชิงเก้าอี้ ผบ.คปอ. ด้วย ส่วนพลอากาศเอก เสกสัณน์ ไชยมาตย์ (ตท.26) ที่ปรึกษาพิเศษ ทอ. ข้ามฟากไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม
ปิดท้ายกันที่ “กองทัพเรือ” พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร. เสนอชื่อ พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ (ตท.24) เสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) เป็น ผบ.ทร. จะเกษียณ 2569 ส่ง พลเรือเอก สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช (ตท.25) ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทร. พลเรือเอก พิจิตต ศรีรุ่งเรือง ผช.ผบ.ทร. เป็นประธานคณะที่ปรึกษา ทร.
และที่ต้องจับตาก็คือแคนดิเดท ผบ.ทร. ในปี2569 ซึ่งประกอบด้วย พลเรือโท นเรศ วงศ์ตระกูล (ตท.26) ผบ.ทัพเรือภาค 2 เป็น ผช.ผบ.ทร. พลเรือโท ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล (ตท.27) รอง เสธ.ทร. ขึ้นเป็น เสธ.ทร. และ พลเรือโท สุวัจ ดอนสกุล (ตท.26) ผบ.ทรภ.3 เป็น ผบ.กร. พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผบ.กองเรือยุทธการ (ตท.25) ที่เคยถูกวางตัวไว้เป็น ผบ.ทร. ในสมัยบิ๊กดุง พลเรือเอกอะดุง พันธุ์เอี่ยม อดีตผบ.ทร. ถูกส่งไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม
อย่างไรก็ตาม มีรายงานอีกกระแสหนึ่งว่า พลเริอเอก ณัฏฐพล อาจจะได้สลับกับ พลเรือเอกพิจิตต ที่จะขึ้น รองผบทร. ให้ข้ามมาเป็นรองปลัดกลาโหมแทน ส่วน พลเรือเอกเสนอ เงินสลุง รองเสนาธิการทหาร ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการทหาร