เพจ “Drama-addict” ออกมาให้ความรู้ หลังมีโพสต์แชร์ว่อนโซเชียลฯอ้าง “คนฉลาดไม่กินถั่วลิสง เสี่ยงมะเร็ง” ยืนยันพบสารอะฟลาท็อกซินในถั่วลิสงและอาหารแห้งจริง แต่ปัจจุบันมีการควบคุมมาตรฐานการผลิตและตรวจสอบอย่างเข้มงวด ชี้ผู้บริโภคยังสามารถกินได้ หากเลือกสินค้าที่เชื่อถือได้และสังเกตสภาพอาหารก่อนรับประทาน
วันนี้ (3 ก.ย.) เพจ “Drama-addict" ได้โพสต์เพื่อให้ความรู้หลังพบว่ามีการแชร์เรื่อง “คนฉลาดไม่กินถั่วลิสง วันนรกแตกคนทั่วไป คือวันที่พบว่าเป็นมะเร็ง ไม่มีหน่วยงานรัฐไหนจะออกมารับผิดชอบ ซึ่งเขียนเกี่ยวกับอะฟลาท็อกซิน คือสารพิษก่อมะเร็งโดยถูกพบมากในถั่วลิสง โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า “โพสนี้คนแชร์เยอะมาก คนก็ส่งมาถามว่าจริงตามที่ จขพ โพสมั้ยคลิกอ่านโพสต์
อธิบายงี้ อะฟลาท็อกซิน คือสารพิษก่อมะเร็ง ซึ่งทำให้เป็นมะเร็งตับได้สารพิษตัวนี้ ถูกผลิตจากเชื้อรา ซึ่งราตัวที่ว่า พบในอาหารมากมายหลายชนิด เช่นถั่วลิสง กุ้งแห้ง ข้าวโพด กระเทียม บลาๆ ซึ่งเก็บแบบไม่เหมาะสม จนมีเชื้อราขึ้นและผลิตสารพิษออกมาปะปนในอาหาร พอคนเอาไปทำอาหารกิน ก็จะได้รับสารพิษสะสมไปเรื่อยๆ จนเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งตับดังนั้นถ้าเจออาหารพวกที่ว่ามา ที่มีกลิ่นแปลกๆ สีแปลกๆ ก็อย่ากิน เพราะอาจเป็นพวกสินค้าที่จัดเก็บไม่ดี จนมีเชื้อราได้ ยิ่งบ้านเรามีภูมิอากาศร้อนชื้น ยิ่งเชื้อราขึ้นง่ายอยู่แต่ควรกลัวจนไม่กล้ากินเลยมั้ย อันนั้นไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น ยังสามารถกินถั่วลิสงต่อไปได้
เพราะทุกวันนี้ เรารู้ถึงพิษภัยของไอ้สารพิษตัวนี้แล้ว จึงมีการวิจัยหาปวิธีการต่างๆเพื่อลดการปนเปื้อนเชื้อราในถั่วลิสงให้มากสุด ตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูก ไถพรวนรดน้ำ ความชื้น บลาๆ การเก็บเกี่ยวไปจนถึงวิธีคัดแยกถั่วที่ดูเสี่ยงมีเชื้อราออกจากกระบวนการผลิตการรมแก๊สแอมโมเนียวัตถุดิบก่อนเอาไปทำอาหาร การสุ่มตรวจสอบหาปริมาณอะฟลาทอกซินในอาหารต่างๆ ว่าอยู่ในเกณฑืมาตรฐานหรือไม่
เช่น การตรวจวัดสีที่เกิดจากปรากฎการณ์เชิงควอนตัมของอนุภาคนาโนทองคำ (AuNPs) และ อนุภาคเงินนาโน (AgNPs) ร่วมกับการใช้สารพันธุกรรมที่เรียกว่าแอพตาเมอร์ (aptamer) ที่เกิดการจับอย่างจำเพาะต่อสารพิษ aflatoxin B1 ทำให้เกิดเฉดสีที่มีความเข้มแปรผันตามปริมาณของอะฟลาทอกซินในระดับความเข้มข้นต่ำมาก ซึ่งสามารถอ่านผลการวิเคราะห์ด้วยตาเปล่า หรือใช้เครื่องวัดความเข้มสีเพื่อคำนวณหาความเข้มข้นที่แน่นอน ซึ่งวิธีพวกนี้สามารถตรวจหาสารพิษอะฟลาทอกซินในปริมาณท่โคตรน้อยๆๆๆๆมากๆ
สรุป ปัญหาการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินในถั่วลิสงที่ขายในบ้านเรา มีจริง แต่มีกระบวนการในการตรวจสอบสินค้าต่างๆว่ามีการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินมั้ย และมีการพัฒนาวิธีการผลิตถั่วลิสงเพื่อลดการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูกจนถึงขั้นตอนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์
สามารถกินถั่วลิสงได้ตามสะดวก ถ้าเป็นสินค้าที่มีที่มาที่ไปเชื้อถือได้ การผลิตมีมาตรฐานและตรวจสอบได้ แต่ที่สำคัญคือ ผู้บริโภค ก็ควรสังเกตเวลากินถั่วด้วย
1. ถ้าเป็นถั่วที่ สีหรือกลิ่นแปลกๆ อย่ากิน
2. ถ้าหีบห่อมีรูรั่ว หรือในห่อมีกลิ่นอับชื้นก็อย่ากิน
3. พวกอาหารแห้ง เช่น ถั่วลิสง พริกแห้ง กระเทียม พวกนี้ อย่าเก็บนานเกินไป เพราะถ้าเก็บนานไป ก็จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดเชื้อราได้
4. ถ้าเจอว่ามีเชื้อราขึ้น ทิ้งให้หมดทั้งถุง อย่าเสียดาย เพราะบางส่วนที่เชื้อรายังไปไม่ถึง แต่สารพิษจากอะฟลาทอกซินมันอาจกระจายไปถึงแล้ว กินไปก็ได้สารพิษอยู่ดี”