หัวหน้าพรรคประชาชน เผยข้อตกลง 5 ข้อแก่พรรคภูมิใจไทย ก่อนโหวตให้อนุทินเป็นนายกฯ ทั้งให้ยุบสภาใน 4 เดือนหลังแถลงนโยบาย เดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และต้องไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ยืนยันขอเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลต่อไป เผยอาจมีบวกลบเล็กน้อยในขั้นตอนจัดทำรัฐธรรมนูญ ด้านรองหัวหน้าพรรคเผย ถ้าบรรจุวาระโหวตเลือกนายกฯ วันนี้ คาดโหวตเลือกนายกฯ เร็วที่สุดวันศุกร์นี้ (5 ก.ย.)
วันนี้ (3 ก.ย.) ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงข่าวระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติให้ความเห็นชอบนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยต้องตกลงเงื่อนไข คือ 1. ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อให้เลือกตั้งใหม่ 2. หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ออกเสียงประชามติ ก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 จะต้องจัดให้มีการทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง โดยไม่เกินกว่าวันเลือกตั้งทั่วไป
3. กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่จำเป็นจะต้องทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 รัฐบาลพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนต้องจะต้องเร่งผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 4. พรรคภูมิใจไทยจะต้องไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 5. พรรคประชาชนจะดำรงสถานะฝ่ายค้านต่อไป ทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีคนของพรรคประชาชนดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ข้อตกลงทั้ง 5 ข้อจะมีผลเมื่อพรรคภูมิใจไทยลงนามและมีถ้อยแถลงออกมา
"การตัดสินใจครั้งนี้ของพวกเราไม่ได้ตัดสินใจโดยข้อคิดเห็นหรือความนิยมของพรรคประชาชนเป็นตัวตั้ง แต่มีเป้าหมายเพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ป้องกันอำนาจนอกระบบแทรกแซง ปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด"
นายณัฐพงษ์ กล่าวหลังแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ว่า ระบบรับฟังความคิดเห็นปิดไปเมื่อเวลา 24.00 น. ที่ผ่านมา มีผู้แสดงความคิดเห็น 25,000 คน ทุกคนในพรรคแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างรอบด้านก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ จำเป็นต้องใช่อำนาจในสภาฯ จาก สส. ที่มีอยู่ 143 เสียงหาทางออกให้ประเทศโดยการกำกับทิศทาง เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ภายใต้กรอบเวลาที่เหมาะสม และเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงมีข้อสรุปของคณะกรรมการบริหารพรรคดังกล่าว
ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญคือต้องเชื่อข่าวสารอย่างเป็นทางการจากผู้มีอำนาจตัวจริง แต่มีการปล่อยข่าวจากหลายส่วนที่ทำให้สถานการณ์ไม่แน่นอน ตนและกรรมการบริหารพรรคตัดสินใจอยู่บนข้อมูลข้อเท็จจริง คนที่มีอำนาจในการทูลเกล้าฯ ยุบสภาอยู่ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี สิ่งที่พรรคประชาชนทำคือการหาทางออกให้กับประเทศ ส่วนจะทูลเกล้าฯ ยุบสภาหรือไม่ ต้องไปถามพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าเมื่อทูลเกล้าฯ ไปแล้วต้องไปถามความคืบหน้าประธานรัฐสภา และถามพรรคภูมิใจไทยว่าจะตอบรับเงื่อนไขนี้หรือไม่
โดยเงื่อนไขทั้ง 5 ข้อ พรรคประชาชนจะลงนามฝ่ายเดียวก่อน ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะยอมรับหรือไม่ นายอนุทินต้องลงนามอีกครั้งหนึ่งพร้อมแถลงต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ พรรคไม่ได้ตัดสินใจว่าเงื่อนไขใดดีกว่ากัน แต่ตัดสินใจบนทางออกของประเทศและหลักประกันที่จะมั่นใจในการกำกับว่า รัฐบาลชุดใหม่จะมุ่งหน้ายุบสภา และทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประเมินแล้วเห็นว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่พรรคประชาชนใช้เสียง สส.กำกับทิศทางได้
ที่ผ่านมาทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยมีการกระทำที่ทำให้ประชาชนได้เห็นว่ามีประวัติที่ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นทางออกของประเทศ แต่ในสถานการณ์ตอนนี้เห็นตรงกันคือเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยได้ประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบและรอบด้าน เชื่อว่ามีคนมองออกว่าไม่ได้ตัดสินใจเพื่อคะแนนนิยมของพรรค ซึ่งพรรคมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียคะแนนนิยม แต่ต้องการสร้างทางออกให้ประเทศจริงๆ
"การที่เราเขียนเป็นหลักประกันในเงื่อนไขในครั้งนี้ ทำให้พรรคภูมิใจไทยมีต้นทุนสูงที่สุด ถ้าจะตระบัดสัตย์ประชาชนอีกหนึ่งครั้ง ที่ผ่านมาสิ่งที่คนไทยลงโทษพรรคการเมืองตระบัดสัตย์ เราได้เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะฉะนั้นหน้าที่เราตอนนี้ในทางปฎิบัติ ก็พยายามกำกับให้พรรคภูมิใจไทยยุบสภาและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะเดียวกัน ถ้อยคำลายลักษณ์อักษรในเงื่อนไข ในทางปฎิบัติอาจบิดพลิ้วได้ แต่เป็นต้นทุนที่เขาจะต้องแลกมา" นายณัฐพงษ์ กล่าว
ส่วนเรื่องกรอบเวลาภายใน 4 เดือน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เชื่อว่าประชาชนสามารถมองเห็นสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งจะนำฉากทัศน์มาประเมินความเสี่ยง จะอยู่ในกรอบหรือไม่ พรรคจะใช้เสียงที่มีกำกับรัฐบาล แต่ถ้ามีสถานการณ์ในอนาคต เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจมีบวกลบเล็กน้อยที่ต้องเปิดช่องมาตรา 256 กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าทำประชามติ 2 ครั้ง เชื่อว่าเป็นเหตุผลให้สาธารณชนได้ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เช่นกัน ย้ำว่าต้องยึดหลักข้อตกลงและกรอบระยะเวลา 4 เดือนเป็นตัวตั้ง ส่วนการให้เหตุผลต่อสาธารณชนในอนาคต อยู่ที่การให้เหตุผลและการสื่อสารของพรรค
"ทุกพรรคการเมืองต้องพร้อมเลือกตั้งได้ทุกวัน เราพร้อมนำเสนอนโยบายทางออกประเทศได้ตลอดเวลา" นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ย้ำว่าไม่อยากให้มองว่าเป็นเกมการเมือง แต่ทางออกของประเทศคือการกำกับทิศทางให้ไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว พร้อมกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนแต่ละพรรคการเมืองจะแถลงข่าวอย่างไรก็แล้วแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งที่ผ่านมาได้คุยนอกรอบกับทุกฝ่าย โดยตนเองไม่ได้พูดคุยโดยตรง แต่ยืนยันว่าการแถลงครั้งนี้เป็นการรับทราบพร้อมกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก และมีเอกสารการลงนาม
ในตอนท้าย นายณัฐพงษ์ยืนยันว่าไม่เสียใจต่อการตัดสินใจครั้งนี้ ตลอด 5 วันที่ผ่านมาผู้บริหารพรรคได้ใช้เวลาไตร่ตรองอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพมากที่สุด รับฟังเสียงจากทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน และใช้กระบวนการทำความเข้าใจภายในพรรค โดยเฉพาะสมาชิกพรรค สส. และเครือข่ายทั่วประเทศ รวมถึงพนักงานพรรค ความเห็นส่วนใหญ่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งตนจะลงนามข้อตกลงฉบับนี้ ส่วนจะมีผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายอนุทินจะลงนามและแถลงต่อสาธารณะเช่นเดียวกัน
จากนั้น นายณัฐพงษ์ได้ลงนามข้อตกลง 5 ข้อ ก่อนส่งต่อเอกสารให้พรรคภูมิใจไทยลงนามและแถลงข่าวต่อสาธารณชนต่อไป
ด้านนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า กระบวนการในการลงมติ จะมีการนัดวิปสองฝ่ายในการหารือ ซึ่งถ้าบรรจุระเบียบวาระในวันนี้ จะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีได้เร็วที่สุดวันศุกร์ที่ 5 ก.ย. ตามข้อบังคับ