xs
xsm
sm
md
lg

ภาพเริ่มชัด! 2 บริษัทยักษ์อเมริกาและฝรั่งเศส พร้อมป้อนน้ำมัน-ก๊าซแก่กัมพูชา หลังแบนนำเข้าจากไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เอ็กซอนโมบิล บริษัทน้ำมันและก๊าซข้ามชาติสัญชาติอเมริกา แสดงความตั้งใจร่วมมือกับกัมพูชาในจัดหาน้ำมันและก๊าซให้ประเทศแห่งนี้ ความเคลื่อนไหวมีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงกลางเดือน ทาง "โททาลเอนเนอร์ยี่ส์" ของฝรั่งเศส ก็เปิดกว้างสำหรับดำเนินการแบบเดียวกัน

ท่าทีของเอ็กซอนโมบิล มีขึ้นหลังจากนายแก้ว โรจนะ รัฐมนตรีเหมืองและพลังงานของกัมพูชา ให้การต้อนรับเหล่าผู้บริหารระดับสูงของเอ็กซอนโมบิล ณ ที่ทำการของกระทรวงฯ ตามถ้อยแถลงของกระทรวงฯแห่งนี้ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันศุกร์(29ส.ค.)

สำนักข่าวขแมร์ไทม์ส ระบุว่าการพบปะกันครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากกัมพูชาสั่งแบนนำเข้าพลังงานจากไทย ในนั้นรวมถึงดีเซล, เบนซิน, ก๊าซปิโตรเลียมเหลว, น้ำมันเชื้อเพลิง และน้ำมันเครื่องบิน มาตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน ตามหลังเกิดความขัดแย้งตามแนวชายแดน

ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ บริษัทพลังงานยักษ์สัญชาติฝรั่งเศส เปิดเผยเช่นกันว่า พวกเขาเปิดกว้างสำหรับการจัดหาน้ำมันป้อนแก่กัมพูชา

รายงานของขแมร์ไม์ส ระบุว่าภาคน้ำมัน ก๊าซและพลังงานหมุนเวียนของกัมพูชา กำลังดึงดูดความสนใจจากบรรดาผู้เล่นระดับโลก ในนั้นรวมถึง วู้ดไซด์ เอเนอร์จี ยักษ์ใหญ่ด้านแอลเอ็นจี และ โคโนโคฟิลลิปส์ ยักษ์ใหญ่ด้านไฮโดรคาร์บอน สัญชาติสหรัฐฯ

ขแมร์ไทม์ส รายงานว่าจนถึงช่วงปลายเดือนสิงหาคม เอ็กซอนโมบิล มีมูลค่าการตลาดราว 487,250 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ทางบริษัทมีรายได้ในปี 2024 ที่ประมาณ 349,600 ล้านดอลลาร์

การเข้ามาเกี่ยวข้องของ เอ็กซอนโมบิล และ โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ ในครั้งนี้ เป็นการซ้ำเติมทฤษฎีสมคบคิดหนึ่งที่เชื่อว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯสหรัฐฯเข้ามาแทรกแซงสงบศึกระหว่างไทยและกัมพูชา อาจเกี่ยวข้องกับประเด็นทรัพยากรทางธรรมชาติอันมหาศาลในพื้นที่พิพาทเกาะกูด ท่ามกลางข่าวลือที่ว่าทางกัมพูชาได้มอบสัมปทานแก่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ในตะวันตกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รายงานข่าวของ worldoil.com ที่เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคม 2024 ระบุว่ารัฐบาลใหม่ของไทย ณ ขณะนั้น เตรียมเริ่มรื้อฟื้นการเจรจากับกัมพูชา ในการสำรวจบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง ซึ่้งคาดหมายว่าน่าจะมีแหล่งสำรองทางธรรมชาติมูลค่าอย่างน้อย 300,000 ล้านดอลลาร์ ในพื้นที่ที่ทั้ง 2 ประเทศเปิดศึกพิพาทกันมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970

เวิลด์ออยระบุนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในเดือนกันยายนปีดังกล่าว เผยว่าการสำรวจรวมเป็นหนึ่งในเป้าหมายเร่งด่วน 10 เป้าหมายของรัฐบาลของเธอ ในขณะที่ไทยหาทางเพิ่มแหล่งสำรองที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ รวมถึงควบคุมค่าไฟและต้นทุนการนำเข้าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในรายงานระบุว่าประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 2 เห็นพ้องกันในช่วงต้นปี 2024 หารือกันเกี่ยวกับแนวทางการสำรวจที่ยุติธรรมในพื้นที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งคาดหมายว่าจะมีก๊าซธรรมชาติอยู่ราวๆ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และน้ำมันดิบ 300 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามกระบวนการนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย สืบเนื่องจากประวัติศาสตร์ความขัดแย้งทางการทูตและการยอมเสียอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนเป็นประเด็นที่อ่อนไหวกับประชาชนทั้ง 2 ชาติ ดังนั้นการเจรจาจึงหยุดชะงักมาตั้งแต่ปี 2001 ครั้งที่ทั้ง 2 ประเทศเห็นพ้องกันว่า คำกล่าวอ้างด้านเขตแดนจำเป็นต้องพูดคุยหารือกันไปพร้อมกับการพัฒนาทรัพยากรร่วมกัน

เพ็ญ โพนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชากล่าวในตอนนั้นว่า กัมพูชา ยังคงมุ่งมั่นพูดคุยในประเด็นนี้กับไทย "ถ้ารัฐบาลใหม่ของไทยพร้อม เราก็ยินดีที่จะเดินหน้าเจรจา"

worldoil.com รายงานว่าทั้งไทยและกัมพูชาต่างนำเสนอโมเดลส่วนแบ่งรายได้ในพื้นที่ หรือที่เรียกว่า Overlapping Claims Area ที่ทาง พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีพลังงานของไทยบอกว่ามีทรัพยากรไม่น้อยกว่า 10 ล้านล้านบาท

เว็บไซต์เวิลด์ออย ชี้ว่าความสำเร็จของการเจรจาดูเหมือนจะเป็นประโยชน์กับบริษัทต่างๆอย่างเช่น เชฟรอน คอร์ป, เซลล์ พีเอลซี และปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ที่ได้สัมปทานมาต่อเนื่องย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1970 แต่ไม่สามารถดำเนินการสำรวจใดๆได้ในพื้นที่พิพาท

นอกจากนี้ยังมีข่าวด้วยว่า โคโนโคฟิลลิปส์ บริษัทน้ำมันเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐฯ และ โททาลโททาลเอนเนอร์ยี่ส์ ได้สิทธิสัมปทานในกัมพูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เว็บไซต์เวิลด์ออยระบุ โดยอ้างอิงรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น

(ที่มา:ขแมร์ไทม์ส/mgronline)
กำลังโหลดความคิดเห็น