สัมพันธ์ลึก! เพื่อไทย-ประชาชน จับตา "ทักษิณ-ธนาธร" ดีลลับปูทางร่วมรัฐบาล? 'ส้ม' เลือก 'แดง' มองข้ามภูมิใจไทย ชี้ อุดมการณ์ต่างกัน แม้เคยขัดแย้ง แต่ปัจจุบันร่วมงานในสภา 'ส้ม' พร้อมหนุนกฎหมาย 'แดง' สร้างความเชื่อใจ จับตาอนาคต "แนวร่วมประชาธิปไตยแบบใหม่"
ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน พรรคประชาชนกำลังอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์สำคัญว่าจะสนับสนุนแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีจากพรรคใดระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งทั้งสองต่างมีบทบาทในทางการเมืองและต่างมีเป้าหมายในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว มีความเป็นไปได้ที่พรรคประชาชนมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนแคนดิเดทจากพรรคเพื่อไทยมากกว่า และเหตุผลในเชิงโครงสร้างและการเมืองหลายประการล้วนส่งเสริมทิศทางนั้น
แม้ที่ผ่านมาพรรคประชาชนจะถูกพรรคเพื่อไทยฉีกเอ็มโอยูเมื่อครั้งพยายามจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันในครั้งแรก แต่เมื่อบริบททางการเมืองเปลี่ยนไป ความขัดแย้งเดิมเริ่มถูกแทนที่ด้วยการทำงานร่วมกันในฝ่ายนิติบัญญัติ ถึงภาพที่ออกมาจะดูเหมือนว่าพรรคแดงและพรรคส้มมักจะออกอาการปีนเกลียวกันตลอดเวลา แต่หากมองลึกเข้าไปแล้วมีหลายครั้งที่ส.ส.ของพรรคประชาชนต่างพร้อมใจโหวตสนับสนุนร่างกฎหมายที่เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มใจ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความไว้เนื้อเชื่อใจกันในระดับหนึ่ง
พอมองกลับไปที่พรรคภูมิใจไทยแล้ว ในสายตาของพรรคประชาชนยังคงมองว่าเป็นพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่มีแนวความคิดทางการเมืองที่ตรงข้ามกับพรรคประชาชพอสมควร โดยเฉพาะกรณีที่มีแกนนำของพรรคภูมิใจไทยเคยออกมาพูดกลางสภาในการผุดไอเดียให้การยิงคนหมิ่นสถาบันไม่ติดคุก
อีกทั้งภาพลักษณ์ในการทำงานการเมืองของพรรคภูมิใจไทยเลือกที่จะให้ความสำคัญกับการทำงานในเชิงพื้นที่มากกว่าการทำงานในเชิงนโยบายที่มองเป็นภาพรวม เรียกได้ว่าเป็นการทำงานการเมืองเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับบ้านใหญ่เป็นสำคัญ ซึ่งสวนทางกับความคิดของพรรคประชาชนอย่างสิ้นเชิง
อีกปัจจัยสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ คือความสัมพันธ์เชิงส่วนตัวระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีพื้นฐานมาตั้งแต่ช่วง "ดีลฮ่องกง" ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการเมืองไทยยุคใหม่ ความสัมพันธ์นี้ แม้จะไม่ได้ปรากฏให้เห็นในเชิงสาธารณะบ่อยครั้ง แต่ก็ส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อการจัดวางพันธมิตรทางการเมืองในเบื้องหลัง และที่สำคัญคือ ส่งผลต่อการประเมินสถานการณ์ของพรรคประชาชนด้วย
ในเชิงยุทธศาสตร์ พรรคประชาชนจำเป็นต้องประเมินว่า การสนับสนุนแคนดิเดทจากพรรคเพื่อไทยจะเป็นประตูสู่การสร้างรัฐบาลที่มีความยืดหยุ่นทางการเมืองและเปิดช่องสู่ความร่วมมือกับกลุ่มก้าวหน้าในอนาคตหรือไม่ เพราะหากธนาธรและพรรคประชาชนยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีและแนบแน่นกับพรรคเพื่อไทย ก็มีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตอันใกล้จะเกิดการจับมือข้ามขั้วเพื่อสร้าง "แนวร่วมประชาธิปไตยแบบใหม่" ซึ่งมีศักยภาพในการดึงคะแนนนิยมจากคนรุ่นใหม่ และกลุ่มประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง พรรคประชาชนจึงอาจมองว่า หากร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ต้น จะสามารถเจรจาต่อรองและวางตำแหน่งตนเองในแนวร่วมใหม่นี้ได้ก่อนที่เกมจะเปลี่ยน
เรียกได้ว่าการตัดสินใจของพรรคประชาชนที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ได้หมายถึงการตัดสินใจเพื่อวันนี้เท่านั้น แต่หมายถึงการสร้างพันธมิตรทางการเมืองในอนาคตหลังจากการเลือกตั้งในครั้งต่อไปด้วย ซึ่งพรรคเพื่อไทยน่าจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ใกล้เคียงกับพรรคประชาชนมากกว่าพรรคภูมิใจไทย แม้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีเครือข่ายทางการเมืองที่เชื่อมโยงกับทุกองคาพยพมากกว่าพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อมองในภาพรวมอุดมการณ์ของระหว่าง 'ส้ม' กับ 'น้ำเงิน' น่าจะเดินไปด้วยกันยากพอสมควร
ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ ทั้งในเชิงโครงสร้างทางการเมือง ผลประโยชน์ร่วมทางนโยบาย ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่ส่งผลในระดับพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ มีความเป็นไปได้ที่พรรคประชาชนมีแนวโน้มสูงที่จะเลือกสนับสนุนแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย มากกว่าจากพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เพียงเพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่ แต่เพราะพรรคเพื่อไทยคือตัวเลือกแรกของพรรคประชาชนในการร่วมรัฐบาลกันในอนาคตนั่นเอง