ฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนไหว หลังผู้ว่าฯ สระแก้วของไทย ตั้งโต๊ะรับเรื่องออกโฉนดให้ชาวบ้านหนองจาน ผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจยยื่นหนังสือค้าน อ้างกระทบอธิปไตยอีกฝ่าย สุดจี๊ดบอกละเมิด MOU43 เตือนเป็นเพื่อนบ้านที่ดีเลี่ยงความตึงเครียด ด้านสื่อกัมพูชาได้ทีงัดข่าวแถลงบ้านหนองจานเป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีเอกสารสิทธิ เคลมถือว่าเป็นที่ดินของกัมพูชา แต่ที่บอกว่าของไทยเพราะถูกกดดัน
วันนี้ (25 ส.ค.) จากกรณีที่นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จัดให้มีการยื่นเอกสารสิทธิ์การถือครองที่ดินให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ บ้านหนองจาน และบ้านกุดผือ ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่มีที่ดินอยู่ติดแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณหลักเขตแดนที่ 46-47 เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนด ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอโคกสูง จ.สระแก้ว พร้อมกับขอโทษประชาชนที่เคยกล่าวว่าพื้นที่บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกิดเข้าใจผิด แท้ที่จริงแล้วเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่ใช่ทั้งหมู่บ้านหนองจาน ซึ่งทางจังหวัดสระแก้ว กองทัพภาคที่ 1 กรมป่าไม้ อำเภอโคกสูง และทุกส่วนราชการ รวมทั้งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สัญญาว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาให้ได้ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านประกอบ : ผู้ว่าฯ สระแก้วอ้างพื้นที่ป่า ไม่ใช่ทั้งหมู่บ้านหนองจาน วีระจวกละเว้นไม่ได้ช่วยชาวบ้าน
ปรากฎว่า นายอุม เรียตรีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ทำหนังสือประท้วงผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กรณีตามคำแถลงผ่านเว็บไซต์เดอะเนชั่นไทยแลนด์ ลงวันที่ 24 ส.ค. 2568 เรื่อง สัญญาออกโฉนดที่ดินให้แก่พลเมืองไทยผู้มีสิทธิ ในพื้นที่บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยระบุว่า ฝ่ายปกครองจังหวัดบันทายมีชัย แสดงความกังวลที่ผู้ว่าฯ สระแก้ว กล่าวถึงการสัญญาออกโฉนดแก่ประชาชนไทยที่มีสิทธิในหมู่บ้านหนองจาน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีพรมแดนติดกับหมู่บ้านโสกสัง ตำบลโอไปจัน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย
"การออกโฉนดแก่ประชาชนไทยในพื้นที่ของไทยเป็นสิทธิของเจ้าหน้าที่ไทย แต่การออกโฉนดนี้ ไม่ควรส่งผลกระทบต่ออธิปไตยของกัมพูชา หรือส่งผลต่อพื้นที่ที่คณะกรรมการร่วมชายแดน (JBC) ของทั้งสองประเทศยังไม่ได้ตกลงขอบเขตอย่างชัดเจน หรือส่งผลต่อพื้นที่ที่ประชาชนกัมพูชายังคงถือครองอยู่ หากการออกโฉนดนี้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ดังกล่าว ฝ่ายปกครองจังหวัดบันทายมีชัย ขอคัดค้าน เนื่องจากการกระทำดังกล่าวละเมิดเจตนารมณ์ของ บันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 (MOU43) ระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการส่งผลกระทบต่อกระบวนการเจรจาและพื้นที่ชายแดนของคณะกรรมการ JBC ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทราบและร่วมมือด้วยจิตวิญญาณแห่งมิตรภาพและความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดและผลกระทบในทางลบระหว่างสองฝ่าย"
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily สื่อภายใต้การควบคุมของนางฮุน มานา ลูกสาวของนายฮุนเซน รักษาการประมุขประเทศกัมพูชา ได้นำเสนอข่าว โดยอ้างคำพูดของนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่พูดเมื่อวันศุกร์ที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าที่ดินบริเวณบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว เป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน จากคำพูดของนายปริญญาดังกล่าว สื่อกัมพูชาอนุมานว่าดังนั้นประเทศไทยจึงไม่มีสิทธิ์อ้างสิทธิเป็นของตนเอง จึงถือว่าเป็นที่ดินของกัมพูชา คำพูดของนายปริญญาทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ โกรธแค้น และวิพากษ์วิจารณ์เขาอย่างไม่ปรานี เมื่อถูกกดดันมากเกินไป นายปริญญาจึงถูกบังคับให้ขอโทษในที่สุด โดยบอกว่าที่เขาพูดเช่นนี้เพราะเข้าใจผิด
สื่อกัมพูชาอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวคือหมู่บ้านเปรยจัน ตั้งอยู่ในเขตแดนของกัมพูชา อยู่ในตำบลโอไปจัน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งหลังจากที่ทหารไทยนำลวดหนามและยางรถยนต์มาล้อมหมู่บ้าน พร้อมกั้นด้วยตาข่ายสีดำ คณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) ของกัมพูชาได้ยื่นคำคัดค้านอย่างเป็นทางการแล้ว และอ้างว่าการกระทำของกองทัพไทย สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงทวิภาคีและพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่อีกครั้ง
