การไต่สวนพยานบุคคลคดีคลิปเสียงระหว่างนายกฯ แพทองธาร กับฮุนเซน เสร็จสิ้นลงแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตให้นำข้อมูลไปเผยแพร่ พร้อมสั่งให้เลื่อนยื่นคำแถลงปิดคดีเร็วขึ้นเป็น 25 ส.ค. แต่กำหนดการลงมติและอ่านคำวินิจฉัยยังคงเดิม
วันนี้ (21 ส.ค.) ที่อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลจำนวน 2 ปาก คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม กับนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ กรณีคลิปเสียงการสนทนากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา
โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ชี้แจงกระบวนการพิจารณา ว่า วันนี้เป็นการนัดไต่สวนพยานบุคคลที่เรียกมาให้ถ้อยคำในคดีดังกล่าว โดยศาลไม่อนุญาตให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงในการไต่สวน เนื่องจากพยานบุคคลที่มาให้ถ้อยคำเป็นพยานคู่ และเป็นคดีที่เป็นความลับเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ห้ามไม่ให้ผู้เข้ารับฟังการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ นำข้อความการไต่สวนออกไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายในลักษณะการสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ศาลได้มีการรายงานผู้มาศาลของคู่กรณีว่า ฝ่ายผู้ร้องประธานวุฒิสภามอบฉันทะให้ผู้แทนมาศาล ประกอบด้วย 1. พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 2. พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. 3. นายชนินทร์ แก่นหิรัญ 4. นายตฤณ แก่นหิรัญ 5. นายอมร สุวรรณโรจน์ ส่วนผู้ถูกร้อง คือ น.ส.แพทองธาร และพยานบุคคล คือนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาศาล จากนั้นนายนครินทร์ แจ้งว่าในการไต่สวน ศาลฯ ได้มอบหมายให้นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายนภดล เทพพิทักษ์ เป็นผู้ดำเนินการไต่สวน และมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านอื่นร่วมซักถาม โดยนายวิรุฬห์ ได้ขอไต่สวนนายฉัตรชัยเป็นปากแรก และขอให้ น.ส.แพทองธาร ออกไปรอด้านนอก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 11.35 น. น.ส.แพทองธาร จึงเข้ารับการไต่สวนในลำดับต่อมา โดยมีสีหน้าเรียบเฉย กล่าวปฏิญาณตนต่อศาลว่า "ข้าพเจ้า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ขอปฏิญาณว่าจะให้ถ้อยคำด้วยความซื่อสัตย์สุจริตทุกประการ"
หลังใช้เวลาไต่สวนประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เวลา 13.02 น. นายนครินทร์กล่าวปิดการไต่สวนพยาน โดยได้ย้ำตอนหนึ่งระหว่างอ่านรายงานกระบวนวิธีพิจารณาคดีว่า ห้ามมิให้ผู้เข้ารับฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่และบิดเบือนข้อมูลที่จะทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด และตามที่ศาลได้สั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีในวันพุธที่ 27 ส.ค. และนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติในวันที่ 29 ส.ค. เวลา 09.30 น. และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น. นั้น พิจารณาแล้วเห็นว่า ตุลาการแต่ละท่านมีเวลาทำคำวินิจฉัยส่วนตนเพียง 1 วัน ดังนั้นเพื่อให้การวินิจฉัยของศาลเป็นไปอย่างรอบคอบและครบถ้วน อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 31 ให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีเสนอต่อศาลภายในวันที่ 25 ส.ค. 2568 หากไม่ยื่นถือว่าไม่ติดใจยื่น ส่วนการนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติ และนัดฟังคำวินิจฉัยให้เป็นไปตามกำหนดเดิม
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ช่วงที่ น.ส.แพทองธาร กล่าวปฏิญาณต่อหน้าศาล ก่อนตอบข้อซักถาม เป็นที่สังเกตว่าด้านขวามือของนายกฯ ได้วางยาดมยี่ห้อหนึ่งที่ขออนุญาตนำเข้ามาพร้อมปากกา ไว้ตามความเคยชิน และในระหว่างที่ศาลได้อ่านกระบวนวิธีพิจารณานั้น กล้องได้จับภาพมาที่สีหน้าของ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี ซึ่งสังเกตได้ว่ามีสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด กระพริบตาถี่ มองต่ำ เม้มปาก และกุมมือไว้ด้านหน้าพร้อมทั้งบีบนิ้วโป้ง หลังจากนั้น เวลา 13.25 น. น.ส.แพทองธารได้ลงมาจากศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน ขณะที่นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. และนายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการด้านกฎหมาย ที่เดินทางมาฟังการไต่สวน ได้เดินลงมาแต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยระบุเพียงว่า ศาลไม่ให้พูดถึงเนื้อหาในการพิจารณาคดี