xs
xsm
sm
md
lg

29 สค.นี้ หาก ‘อิ๊งค์’ ไม่รอด ‘เพื่อไทย’ ป่วน ลือ! ‘ชัยเกษม’ ไม่เอา ‘หมอมิ้ง’ ขอเลือกเลขานายกฯ เอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ลุ้นระทึก! 29 สิงหาคม นี้ ศาล รธน.วินิจฉัย นายกฯ อิ๊งค์ผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่? ด้านนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักกฎหมายและอดีต สส.หลายสมัยเชื่อ‘ไม่รอด’ หลังพินิจพิเคราะห์คลิปข้อความตรงเป๊ะจากคำพูด‘การกระทำที่อาจจะทำให้เสียเสรีภาพกับดินแดน เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ” สอดคล้องกับมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาล รธน.ว่าด้วยจริยธรรมอย่างร้ายแรงในข้อ 2 ชี้หากรอด นั่งนายกฯ ต่อไป สมัยหน้าก็มีโอกาสเป็นต่อแต่ถ้าไม่รอด จบชีวิตการเมือง เหมือนอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ขณะที่ สส.เพื่อไทยอึดอัด1 ใน 3 อยากย้ายพรรค แถมมีข่าวสะพัดว่า‘ชัยเกษม นิติสิริ’นายกฯ ขัดตาทัพ ยื่นเงื่อนไขไม่เอา‘หมอมิ้ง’ นั่งเลขาธิการนายกฯ ขอดึงคนนอกที่ไว้ใจเหตุไม่ต้องการติดคุกแทนใคร?งานนี้‘นายใหญ่’ยังไม่เคาะจับตาเพื่อไทยจะเดินไปอย่างไร!

ลุ้นระทึก! เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตานางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ คดีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง นายกฯ อิ๊งค์ กับ ‘สมเด็จฯ ฮุน เซน’ ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่าผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ หลัง 36 ส.ว.ยื่นคำร้อง ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9 ต่อ 0 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และศาลมีมติ 7 ต่อ 2 ให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย

โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานคดีคลิปเสียงหลุดจำนวน 2 คนคือนายกฯ อิ๊งค์ในฐานะผู้ถูกร้องและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ เวลา 10.30 น. หากพยานบุคคลที่ศาลฯ เรียกไม่มาตามกำหนด ถือว่าไม่ติดใจเป็นพยานบุคคลและให้ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องที่ประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีให้ยื่นเป็นหนังสือต่อศาลภายในวันที่ 27 ส.ค.68 หากไม่ยื่นภายในกำหนด ถือว่าไม่ติดใจยื่น โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันที่ 29 ส.ค. เวลา 09.30 น. นัดฟังคำวินิจฉัย เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ดี คดีนี้นำไปสู่การพูดคุยและวิเคราะห์ของบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทย บ้างก็ว่านายกฯ อิ๊งค์ ‘รอด’ ได้ไปต่อในฐานะนายกรัฐมนตรี ขณะที่อีกกระแสมั่นใจว่า ‘นายกฯ อิ๊งค์’ ไม่รอดและปิดฉากการเมือง เหมือนอดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน พร้อมเตรียมส่งไม้ต่อให้กับ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ แคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งในระหว่างนี้ก็เกิดข่าวลือตามมามากมาย และเริ่มไม่มั่นใจว่า ‘ชัยเกษม’ จะได้เป็นนายกฯ คนต่อไปจริงหรือไม่?


ด้านมุมมองของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักกฎหมาย ทนายความอดีต สส.พัทลุง หลายสมัย ได้พินิจพิเคราะห์แล้วในความเห็นส่วนตัวซึ่งได้ตีความตามข้อกฎหมายทุกแง่ทุกมุม มั่นใจว่า ‘ไม่รอด’ โดยจะต้องไปดูในความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่มีการเขียนไว้ว่าอย่างไร กรณีไหนบ้างที่ถือว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง และเมื่อได้ฟังจากคลิปเสียงและข้อความจะพบว่า ‘มันตรงเป๊ะ’ จริง ๆ

“ตรงเป๊ะจากคำพูด ที่ว่า การกระทำที่อาจจะทำให้เสียเสรีภาพ กับ ดินแดน เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ มีทางเดียว ที่นายกฯ ต้องแก้คือ สิ่งที่นายกฯ พูดไม่มีเจตนาอย่างนั้น แต่มีเจตนาอย่างอื่น เช่นไม่ต้องการให้ 2 ประเทศทะเลาะกันและไม่ต้องการให้มีการรบกัน เป็นต้น ส่วนศาลจะเชื่อหรือเปล่า ไม่รู้ แต่ข้อความมันผิดจริยธรรมร้ายแรง”


อีกทั้งนายนิพิฏฐ์ บอกให้ไปค้นข้อมูลในมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการ การตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ รวมทั้งนักการเมือง สส. สว.และคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2561 ระบุถึงมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ให้ถือว่ามีลักษณะร้ายแรง (ข้อ 27 วรรคหนึ่ง) โดยในหมวด 1 กำหนดไว้จำนวน 6 ข้อ ดังนี้

1) ต้องยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ข้อ 5)

2) ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขต ที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยของประชาชน (ข้อ 6)

3) ต้องถือประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน (ข้อ 7)

4) ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติกรรมที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ (ข้อ 8)

5)ต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดในการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ (ข้อ 9) 6) ต้องไม่รับของขวัญของกำนัล ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เว้นแต่เป็นการรับจากการให้โดยธรรมจรรยา และการรับที่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับให้รับได้(ข้อ 10)

ดังนั้นคดีคลิปเสียงจึงเข้าข้อที่ 2 ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าตรงเป๊ะ จึงเชื่อว่าไม่รอด!

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
ขณะเดียวกันก่อนที่ศาลฯ จะมีคำพิพากษาออกมานั้น หากนายกฯ อิ๊งค์ ตัดสินใจลาออก ก็เป็นเรื่องที่ศาลฯ ต้องจำหน่ายคดี เนื่องจากไม่มีผู้ถูกร้องอยู่ในศาลฯ แล้ว แต่การผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าผิดหรือไม่ก็ยังคาอยู่แบบนี้

“สมมุติมีการเลือกตั้งใหม่และคุณอุ๊งอิ๊งค์ ได้รับการเสนอตัวเป็นนายกฯ อีกก็จะมีคนไปร้องว่า ครั้งหนึ่ง คุณอุ๊งอิ๊งค์เคยได้โทรศัพท์กับฮุนเซน…ข้าพเจ้าคิดว่า ทำผิดจริยธรรม ศาลก็ต้องรับ เพราะครั้งนี้ศาลฯได้รับแล้ว และศาลจะทำอย่างไร ตรงนี้ก็อยู่ที่ศาลจะพิจารณาอย่างไร ดังนั้นการจะลาออกหรือไม่ลาออกดีที่สุดคือฟังคำพิพากษาของศาลฯ ก่อนดีกว่า”

นายนิพิฏฐ์ บอกต่อว่า แนวทางที่ 1หากตัดสินใจลาออก นายกฯ อิ๊งค์ ควรที่จะยุติบทบาทไปเลย เพราะไม่เช่นนั้นเรื่องคลิปเสียงก็จะหวนกลับมาเล่นงานได้อีก แนวทางที่ 2 ถ้าตัดสินใจไปฟังศาลฯตัดสิน ถ้านายกฯชนะ ก็ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และการเลือกตั้งครั้งหน้า หากชนะเลือกตั้งก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก

แต่ถ้าศาลฯ ตัดสินว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ไม่ได้ไปต่อ ก็จบ และจบตลอดกาล ก็เหมือนกับนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ศาล รธน.วินิจฉัยว่า มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีทั้งที่ขาดคุณสมบัติ

“หรือกรณีของผู้กองธรรมนัส ทำไมถึงไม่กล้าเป็นรัฐมนตรี จากข่าวเคยติดคุกที่ออสเตรเลียก็เสี่ยงที่จะโดนร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติที่เคยติดคุกมาก่อน แม้ศาลเคยวินิจฉัยว่า นั่นเป็นศาลต่างประเทศ ไม่ถือว่าธรรมนัส ถูกจำคุกจากศาลไทย แต่ในเรื่องจริยธรรม ไม่ว่าคุณไปทำที่ไหน ทุกตารางนิ้วในโลกนี้ ถ้าคุณทำผิดก็ผิดหมด ไม่มีอาณาเขต ไม่มีดินแดน”

กระนั้นหากนายกฯ อิ๊งค์ ไม่รอด คนที่จะมานั่งตำแหน่งนายกฯ ก็คือ นายชัยเกษม นิติสิริ เพื่อเข้ามาประคองรัฐบาลไปก่อนและดูจังหวะที่ทำให้เพื่อไทยมีโอกาสมากขึ้นค่อยยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้าไม่ใช่นายชัยเกษม จะเป็นนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยิ่งเป็นไปไม่ได้หรอก และหากจะคิดว่าหลุดจากคนของพรรคเพื่อไทยไปให้พรรคอื่น เรื่องนี้ปิดประตูตายได้เลย เพราะในทางการเมืองเป็นไปไม่ได้ และเป็นไปไม่ได้เลยที่พรรคเสียงข้างมากจะให้พรรคอันดับสอง ทำแบบนี้จะหาเสียงได้อย่างไร และพรรคอื่นที่ร่วมรัฐบาลอยู่คะแนนเสียงก็ไม่ได้ห่างกับพรรค รทสช.

“ถ้ามีปัญหานายภูมิธรรม รักษาการนายกฯ ก็สั่งยุบสภาได้ แต่ถ้าเลือกยุบตอนนี้คะแนนพรรคเพื่อไทยจะหายไปมาก ไม่ควรยุบตอนนี้เลือกที่จะให้นายชัยเกษม ประคองรัฐบาลไปก่อนน่าจะดีที่สุด”


นายนิพิฏฐ์ ย้ำว่าเหตุผลที่พรรค รทสช.อยู่เป็นรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ทั้ง ๆ ที่เป็นคนละขั้วกันก็เพราะว่าต้องการให้กฎหมายนิรโทษกรรมผ่านออกมาบังคับใช้ และถ้าผ่านเรียบร้อยก็จะแยกจากกันแบบไม่เผาผี

“กฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภาไปแล้ว มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นประธาน ถ้าสภาผ่าน ก็เข้าไปวุฒิ ถ้าวุฒิผ่าน ก็จบ นิรโทษกรรมพี่สุเทพ ก็จบ หลังจากนี้ ก็แยกย้าย บ้านใครบ้านมัน ส่วนที่ว่ามีคนจะแก้กฎหมายเรื่องของจริยธรรมนั้น ก็ต้องไปแก้ที่รัฐธรรมนูญเท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องยาก”

ประเด็นที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังนิรโทษกรรม คือต้องเข้าใจด้วยว่า นิรโทษ หมายความว่า คนเหล่านี้ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน แต่นิรโทษกรรมไม่ได้ก่อให้เกิดสิทธิ์ คือนิรโทษกรรมแล้ว คุณสมบัติเดิมถูกล้างไปแล้วก็จริง แต่ก็ไม่สามารถกลับมาเป็นนักการเมืองใหม่ได้ ซึ่งมีคำวินิจฉัย ทั้งศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด คือ ล้างแต่ไม่ก่อให้เกิดสิทธิ์

“ไม่ว่าจะเป็นคุณเศรษฐา หรือใครต่อใคร ก็ไม่มีสิทธิ์ ยกเว้นแต่ว่าไปแก้รัฐธรรมนูญ ไม่มีเรื่องของจริยธรรมแล้ว จึงหมายความว่าเด้งแรกคือนิรโทษกรรม เด้งสองคือแก้รัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรมตัดทิ้งไป”

ด้านแหล่งข่าวและนายทุนพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ได้มีการวิเคราะห์กันแล้วมีแนวโน้มว่านายกฯอิ๊งค์ จะไม่รอด เพราะมติศาลฯ ที่รับคำร้องก็ 9 ต่อ0 และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ 7ต่อ 2 ดังนั้นโอกาสที่จะรอดจึงค่อนข้างต้องลุ้นกันแบบสุด ๆ เพราะสิ่งที่กำกับศาลอยู่คือคำพิพากษาส่วนตัว และคลิปจะเป็นตัวบ่งชี้เพราะมันเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงไม่ได้ แต่พวกเราก็ยังหวัง ๆ ว่าจะรอดอยู่เหมือนกัน พรรคจึงได้เตรียมนายกฯคนใหม่ไว้แล้วก็คืออาจารย์ชัยเกษม จะเป็นนายกฯ ที่เข้ามาขัดตาทัพไปก่อน และเมื่อพรรคพร้อมก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ต่อไป

ในระหว่างนี้ในพรรคก็มีการพูดกันว่าสส.หลายคนไม่พอใจ ‘นายใหญ่และคนใกล้ชิดนายใหญ่” ที่สั่งการและต้องปฏิบัติตามแบบกระดิกตัวไม่ได้ เหมือนกับพวกเราไม่ใช่ สส.แต่เป็นพนักงานในบริษัท ทำให้ สส.หลายคนอาจจะถึง 1ใน 3 ต้องการจะย้ายพรรคกันแล้ว โดยเฉพาะ สส.อิสาน เพราะตำแหน่งอะไรก็ไม่ได้ ก็เริ่มอึดอัดกันมาก

“ผู้ใหญ่ในพรรคพูดกันว่า อาจารย์ชัยเกษม ยินดีเข้ามารับตำแหน่งนายกฯ ขัดตาทัพ แต่ยื่นเงื่อนไขไม่เอาเลขาธิการนายกฯ ที่นายใหญ่จัดให้ คือไม่เอาหมอมิ้ง( นพ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) ต้องการหาคนที่ไว้ใจ เชื่อใจ สามารถตรวจสอบเอกสารได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ไม่เอาแกนนำ หรือ สส.ในพรรคแน่ อาจารย์บอกว่าเลขานายกฯ ต้องเป็นคนที่นายกเชื่อใจ จึงจะหาคนที่ไว้ใจเองและเสนอให้กับนายใหญ่ อาจารย์ย้ำเสมอจะไม่ยอมติดคุกแทนใคร”

ประเด็นนี้จึงยังไม่มีข้อสรุป โดยเงื่อนไขคือเป็นนายกฯ ขัดตาทัพ เพื่อผลักดันเรื่องที่นายใหญ่และพรรคยังทำไม่สำเร็จ อีกทั้งกระแสเพื่อไทยช่วงนี้ก็ไม่ดี จึงยังไม่อยากให้ยุบสภา ส่วนจะนานแค่ไหนก็ต้องดูสถานการณ์ไปก่อน

นพ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช  ( หมอมิ้ง)
นอกจากนี้ก็มีการพูดถึง นายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรค รทสช.ที่สส.ในพรรครู้ว่าสนิทสนมกับนายใหญ่และคุยกันรู้เรื่อง ว่ากันว่า มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนายหญิง คือคุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร เพราะมีคนใกล้ชิดเป็นคนในตระกูล ‘ณ ป้อมเพชร’ ร่วมลุ้น ส่งผลให้นายทุนพรรค รทสช.แม้จะเบื่อนายพีระพันธุ์ มากแต่ก็ยังสามารถรักษาพรรคให้ร่วมรัฐบาลได้โดยที่นายทักษิณ ชินวัตร ให้การยอมรับและอยากจะดันให้ขึ้นมาขัดตาทัพ ถ้านายชัยเกษม มีเงื่อนไขมากจนทำให้การเจรจาไม่เป็นผล แต่โอกาสความเป็นไปได้ก็จะน้อยมากเช่นกันเพราะตอนโหวตเลือกนายกฯ ถ้าเป็นนายพีระพันธุ์ คนในพรรค รสทช.เกิน 18 คนไม่เอานายพีระพันธุ์ และจะไม่ร่วมโหวตให้แน่นอน รวมทั้งพรรคร่วมและ สส.ของเพื่อไทยก็เช่นเดียวกัน

“ตัวนายพีระพันธุ์ ก็มีเรื่องคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช.ยังไม่จบ ทำให้ทุกอย่างยาก ก็ต้องรอดูคำวินิจฉัยของศาลก่อน ส่วนพรรคเพื่อไทยผู้ใหญ่ก็หารือกันตลอดว่าจะตัดสินใจทำอย่างไรต่อไป”

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค


จากนี้ไปต้องจับตาวันที่ 29 สค.นี้ ศาล รธน.จะวินิจฉัยคดีคลิปเสียงออกมาเช่นไร และนายกฯ อิ๊งค์ จะได้ไปต่อหรือไม่ ถ้าไม่ได้ นายกฯ ขัดตาทัพจะเป็นนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตพรรคเพื่อไทยคนที่ 3 ที่มีเลขาธิการนายกรัฐมนตรียังคงเป็น ‘หมอมิ้ง’ หรือใครกันแน่ เพราะหลักการของนายชัยเกษม คือจะไม่ยอมติดคุกแทนใครเด็ดขาดใช่หรือไม่!?

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j
กำลังโหลดความคิดเห็น