โวยศูนย์อาหารใหม่สภาฯ แพงหูฉี่ ทำขรก.-แม่บ้านกระเป๋าฉีก จี้วันนอร์อย่าหากำไรเกินควร

ข้าราชการและแม่บ้านสภาฯ โวยศูนย์อาหารใหม่ อาคารรัฐสภาชั้น B2 ราคาอาหารแพงหูฉี่ สวนกระแสเศรษฐกิจและค่าครองชีพ จี้วันนอร์อย่าหากำไรเกินควร ด้านประธานสภาฯ เผยผู้ประกอบการลดให้แล้ว ขณะที่ ปธ.กมธ.กิจการสภาฯ เรียกประชุมสัปดาห์หน้า ด้านผู้ค้ารายเดิมร้องถูกขับออกจากพื้นที่ไม่เป็นธรรม ทั้งที่ผู้บริหารชุดเก่าส่งเสริม ขรก. และครอบครัวมีอาชีพเสริม

วันนี้ (20 ส.ค.) ที่อาคารรัฐสภา รายงานข่าวแจ้งว่า มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การเปิดศูนย์อาหารกินนี่ (KINNIE Food Court) บริเวณชั้น B2 ของอาคารรัฐสภา ฝั่งสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเปิดให้บริการเป็นวันแรกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 ส.ค.) เพื่อให้บริการข้าราชการในวงงานรัฐสภา ผู้มาติดต่อ ผู้ช่วยหรือผู้ติดตามสมาชิกรัฐสภา ตลอดจนสื่อมวลชนและบุคคลทั่วไป ทดแทนร้านค้าร้านอาหารเดิมที่ชั้น 1 ซึ่งได้ยกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 8 ก.ค. และให้ย้ายออกจากพื้นที่ไปเมื่อวันที่ 15 ส.ค. พบว่ามีเสียงร้องเรียนจากข้าราชการ สื่อมวลชน และแม่บ้านว่า อาหารมีราคาสูงเกินไป ไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพสูงลิบ โดยพบว่าราคาอาหารเริ่มต้นสูงถึงจานละ 40-50 บาท

ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย หารือว่า ข้าราชการและแม่บ้านจำนวนมากไม่สามารถรับประทานอาหารที่ห้องอาหารใหม่ได้ ต้องเดินไปซื้ออาหารที่ฝั่งวุฒิสภาแทน เพราะราคาถูกกว่า พร้อมตั้งคำถามว่าบริษัทใดเข้ามาประมูล และสภาผู้แทนราษฎร เรียกเก็บค่าเช่าสูงเกินไปหรือไม่ หากเอาเปรียบผู้บริโภค ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องจัดการ เพราะไม่ควรหากำไรเกินควร ด้านนายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมการสโมสรรัฐสภา ระบุว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนเช่นกัน และย้ำว่าการตั้งโรงอาหารชั้น B2 ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อข้าราชการและประชาชนผู้มาใช้บริการ พร้อมเสนอให้ใช้ประโยชน์พื้นที่สโมสรชั้น 5 ที่ยังว่างอยู่ให้เต็มที่ ก่อนคิดขยายห้องอาหารเพิ่มเติม

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค. มีการประชุมฝ่ายบริหารและผู้ขาย โดยได้ปรับราคาลงแล้ว เช่น ข้าวแกง 1 อย่าง 35 บาท 2 อย่าง 45 บาท และ 3 อย่าง 55-60 บาท พร้อมย้ำว่าจะตรวจสอบให้เข้มงวด และหากยังมีปัญหาก็พร้อมให้ปรับลดเพิ่มอีก ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้ใครหาผลประโยชน์จากพื้นที่ของสภาฯ โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของข้าราชการ ขณะที่นายประเสริฐ บุญเรือง สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้วและอยู่ระหว่างการแก้ไข โดยจะเชิญผู้บริหารเข้าหารือเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ได้ราคาที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

อีกด้านหนึ่ง กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าสวัสดิการของสภาผู้แทนราษฎรเดิม นำโดย นายศุภโชค เวชราภรณ์ ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ สส.พิษณุโลก พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอความเป็นธรรม จากการกระทำของคณะกรรมการสวัสดิการสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน หลังถูกให้ย้ายออกจากพื้นที่ชั้น 1 ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ต้องตกงานไม่มีอาชีพ ทั้งที่ผู้บริหารรุ่นเก่าสนับสนุนการมีอาชีพเสริมให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อย และญาติพี่น้องของข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้เข้ามาประกอบอาชีพร้านอาหาร โดยทำสัญญาเช่าปีต่อปี แต่คณะกรรมการชุดใหม่กลับบ่ายเบี่ยงต่อสัญญาเช่า ก่อนขอเรียกคืนพื้นที่ และให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ช่วยแบ่งพื้นที่ใหม่ เพื่อให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยได้มีทางเลือกหาซื้ออาหารราคาย่อมเยา

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ศูนย์อาหารกินนี่ (KINNIE Food Court) บริเวณชั้น B2 ของอาคารรัฐสภา ฝั่งสภาผู้แทนราษฎร เปิดให้บริการทดแทนพื้นที่ชั้น 1 ที่จะใช้เป็นห้องรับรอง สส. และผู้มาเข้าพบ มีร้านอาหารประมาณ 20 ร้าน พร้อมที่นั่งรับประทานอาหาร รองรับได้สูงสุด 700 คน บริหารงานโดย บริษัท กินนี่ ฟู้ด แอนด์ มาร์เก็ต จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2556 ทุนจดทะเบียน 8 ล้านบาท มีนายธเชษฐ์ เตียสกุล และนายภกร จิตรธนบรรจง เป็นกรรมการบริษัท ประกอบธุรกิจบริหารศูนย์อาหารตามอาคารสำนักงานทั่วกรุงเทพฯ อาทิ อาคารจามจุรีสแควร์ ออลซีซั่นเพลส เดอะไนน์ทาวเวอร์ กรมสรรพากร กรุงเทพประกันภัย เดอะสตรีทรัชดา เสริมมิตรทาวเวอร์ ฯลฯ ปัจจุบันมีประมาณ 10 แห่ง