ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย เผยหลังลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ในฐานะผู้สังเกตการณ์ IOT เผยมีหลายอย่างที่ไม่คาดคิด เห็นกับตากรณีทหารเขมรยั่วยุที่ช่องอานม้า พร้อมกล่าวชมทหารไทยเป็นสุภาพบุรุษ ย้ำจุดยืนไม่ได้มาตัดสินใคร แต่สังเกตการณ์เพื่อความโปร่งใสโดยไม่เลือกข้าง
วันนี้ (20 ส.ค.) ที่โรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดศรีสะเกษ พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นรับฟังการบรรยายสรุปและลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ในฐานะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team) หรือ IOT จาก 8 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ว่า ขอบคุณกองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบก ที่ให้มาดูสถานที่จริง เพื่อตรวจสอบและยืนยันว่าความจริงเป็นอย่างไร ซึ่งก็จะนำข้อมูลดังกล่าวนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป การเดินทางมาในครั้งนี้ไม่ได้มาตรวจสอบและชี้ว่าใครถูกใครผิด เรามาเพื่อตรวจสอบข้อมูลเพียงเท่านั้น
เมื่อถามว่าการลงพื้นที่มาในวันนี้ มีเรื่องเซอร์ไพรส์หรือน่าแปลกใจอะไร พล.ต.ซัมซุล กล่าวโดยมีล่ามแปลภาษา ความว่า มีหลายอย่างที่ไม่คาดคิด ซึ่งการลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย ไม่ได้มีแค่จุดนี้ แต่ยังมีจุดอื่นที่ต้องไปอีก หลังการรับฟังการบรรยายสรุป จะมีการระบุผ่านหลักฐาน 3 ข้อ คือ 1. การใช้ทุ่นระเบิด 2. การใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน และ 3. การยั่วยุ และใช้ข้อมูลข่าวสารเท็จ ไม่ว่าจะเป็นแถลงการณ์ หรือโซเชียลมีเดีย โดยเมื่อวานนี้ได้เห็นทหารกัมพูชายั่วยุกับตาที่ช่องอานม้า
พร้อมกันนี้ ยังแสดงความชื่นชมทหารไทยที่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งผู้สังเกตการณ์จาก 8 ประเทศอาเซียนเห็นเป็นอย่างดี ไม่ได้ไปตะโกนบอกใคร และย้ำว่า คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ไม่ได้มาเพื่อตัดสินใจว่าใครถูกหรือผิด แต่มาสังเกตการณ์ว่ามีการหยุดจริงอย่างแท้จริงหรือไม่ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ซัมซุล ให้สัมภาษณ์กับ สำนักข่าวแห่งชาติเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซียเมื่อวันอังคาร (19 ส.ค.) โดยย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะตรวจสอบความโปร่งใส เพื่อให้แน่ใจว่าไทยและกัมพูชาจะรักษาข้อตกลงหยุดยิง เพื่อฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพ โดย IOT ได้ตรวจสอบพื้นที่ชายแดนที่เป็นจุดปะทะเมื่อเร็วๆ นี้
"IOT มีหน้าที่สังเกตการณ์การดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงของทั้งสองประเทศ นำมารวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการมีความโปร่งใสและยุติธรรมโดยไม่เลือกข้าง" พล.ต.ซัมซุล กล่าว
ขณะเดียวกัน กองบัญชาการกองทัพไทย (RTARF) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่เริ่มต้นที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยผู้สังเกตการณ์ได้รับการบรรยายสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ระหว่างการมาเยือน คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนได้ดำเนินการตรวจสอบภาคสนาม ในสถานที่สำคัญตามแนวชายแดน
กองบัญชาการกองทัพไทยยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขกรณีพิพาทด้วยสันติวิธี สอดคล้องกับหลักการอาเซียนและกฎหมายระหว่างประเทศ แต่เน้นย้ำว่าจะปกป้องอำนาจอธิปไตยของไทย และความปลอดภัยของประชาชนในกรณีที่เกิดการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
สำหรับผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team) หรือ IOT เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุผลระหว่างการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 13 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งการเข้ามาของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ร่วมกับสหรัฐอเมริกาและจีนในฐานะผู้สังเกตการณ์ มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสถานการณ์ที่ตึงเครียดให้อยู่ในการควบคุม
การลงพื้นที่ของ IOT ในครั้งนี้มีกองบัญชาการกองทัพไทย (RTARF) เป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 18-20 ส.ค. ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ประกอบด้วยผู้แทน 14 คนจาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม ได้แก่ มาเลเซีย บรูไน ลาว อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม