นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โทร.คุยทั้งรักษาการนายกรัฐมนตรี กับ รมช.กลาโหมของไทย และนายกฯ ฮุน มาเนตของกัมพูชา เกี่ยวกับทีมผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) หาทางเพิ่มประสิทธิภาพ และการประชุม GBC เดือนหน้า ด้านบิ๊กเล็กเผยอันวาร์ขอเพิ่มคน IOT แต่ไม่เห็นด้วย ขอให้คงจำนวนเท่าเดิม และให้ใช้คนในสถานทูตฯ ไปก่อน
วันนี้ (19 ส.ค.) เฟซบุ๊ก Anwar Ibrahim ของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โพสต์ข้อความ ระบุว่า บ่ายวันนี้ ตนได้พูดคุยกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย นอกจากนี้ ยังได้หารือเกี่ยวกับทีมผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team) หรือ IOT ซึ่งได้ดำเนินการติดตามพื้นที่ชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองประเทศอย่างใกล้ชิด และได้หารือถึงขั้นตอนเพิ่มเติมที่สามารถดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามของ IOT
อีกโพสต์หนึ่ง ระบุว่า หลังจากได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ตนยังได้พูดคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับการหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย ในระหว่างการหารือ ตนได้เน้นย้ำและให้ความสนใจต่อความพยายามของทีม IOT ซึ่งยังคงติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนอย่างใกล้ชิด รวมถึงพิจารณาความพยายามอื่นๆ ที่สามารถนำไปใช้เพื่อเสริมสร้างปฏิบัติการติดตามการหยุดยิง นอกจากนี้ ยังได้หารือเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการเขตแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนหน้า
ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม กล่าวว่า ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับนายอันวาร์ ระบุว่าต้องการเพิ่มจำนวนผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) เพราะอัตรากำลังที่มีไม่สามารถรองรับงานที่เพิ่มขึ้นได้ แต่ฝ่ายไทยไม่เห็นด้วย ขอให้คงจำนวนเท่าเดิม และให้ใช้คนในสถานทูตฯ ไปก่อน
สำหรับกรณีทหารกัมพูชาแสดงความไม่พอใจ และ ขัดขวางขณะที่ไทยนำคณะ IOT ลงพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี โดยอ้างว่าไทยไม่แจ้งก่อน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่เป็นไร ต้องคุยกันก่อนหน้านี้เคยตกลงกันแล้วตั้งแต่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ว่าจะนำ IOT ลงไป ส่วนกรณีกัมพูชาอาจใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ยั่วยุกดดันหรือพังรั้วลวดหนามในอนาคต ต้องใช้ความอดทน พยายามไม่ให้เกิดการยั่วยุและใช้อาวุธ อย่างน้อยมีอาเซียนกำลังเฝ้าดูอยู่ ผ่านการใช้กลไก IOT
ส่วนกรณีประชาชนเรียกร้องให้ล้อมรั้วลวดหนามถาวรกั้นชายแดนนั้น ยอมรับว่างบประมาณมีจำกัด จึงต้องพิจารณาเรียงลำดับความสำคัญ เช่น จะใช้งบประมาณเพื่อล้อมรั้ว หรือจะจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งการล้อมรั้วลวดหนาม ไม่ใช่การจัดทำรั้ว แต่เป็นเพียงแค่เครื่องกีดขวาง เพื่อช่วยแบ่งเบาภารกิจทหาร บริเวณชายแดนเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่พื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซียในภาคใต้ ก็มีการขออนุมัติงบประมาณ แต่ก็ยังไม่เคยได้รับการจัดสรร
สำหรับกองกำลังในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชามีการร้องขอหรือต้องการอะไรเพิ่มเติมนั้น ได้แจ้งขออาวุธยุทโธปกรณ์ กระสุน และอากาศยานไร้คนขับ จึงประสานกับคณะรัฐมนตรี และกระทรวงการคลัง ให้ใช้วิธีพิเศษเฉพาะเจาะจง เพื่อให้สามารถหาได้ทันใช้งาน จะพยายามทำให้เร็วที่สุด ส่วนใหญ่เคยจัดซื้อมาแล้ว จึงไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด ยืนยันว่าต้องเร่งรัดไม่ให้ล่าช้า และทุกภาคส่วนก็พร้อมสนับสนุน โดยสำนักงบประมาณถามว่าเสนอความต้องการมาแล้วหรือไม่ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการลงนามอนุมัติไปแล้ว 2-3 รายการ