xs
xsm
sm
md
lg

“แม่ทัพประชาชน” VS “แม่ทัพลังกาวี” “ลุง” จะเลือก “ใคร”?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



 “ทุกพื้นที่หากแม่ทัพยังเป็นแม่ทัพอยู่ รุกล้ำเข้ามา แม่ทัพเข้าตีอย่างเดียว ไม่คุย ผมมีมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญ ผมมาเพื่อสิ่งนี้ เพื่อขับไล่ศัตรูออกจากแผ่นดินไทยให้รวดเร็ว”
 
นั่นคือคำประกาศของ “แม่ทัพกุ้ง-พลโท บุญสิน พาดกลาง” แม่ทัพภาคที่ 2 ที่กล่าวขณะบรรยายพิเศษสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และบทบาทหน้าที่ของกองทัพบก และคนไทยทุกคน ที่โรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา

และนั่นคือ สิ่งที่ทำให้เวลานี้ ชื่อของ “แม่ทัพกุ้ง” กลายเป็นนายทหารที่ประชาชนชาวไทยให้ความเชื่อมั่นว่าจะสามารถปกป้องดินแดนแห่งราชอาณาจักรไทยจากเล่ห์ร้ายของ “พระยาละแวกยุคปัจจุบัน” คือ “ฮุน เซน” เอาไว้ได้ กระทั่งเกิดกระแสเรียกร้องว่า “อย่าเปลี่ยนแม่ทัพกลางศึก” พร้อมขอให้ “ต่ออายุราชการแม่ทัพกุ้ง” หรือถ้า “ต้องเปลี่ยน” ก็ต้องเป็นคนที่ “แม่ทัพกุ้ง” รับประกันว่า จะสานต่อภารกิจให้ลุล่วงไปได้ หลังจากเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนกันยายน 2568

หนึ่งในความเห็นที่มีกระแสตอบรับค่อนข้างสูงมาจาก “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะ “ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน” ที่เดิมเสนอให้ต่ออายุราชการบิ๊กกุ้ง ก่อนที่จะปรับใหม่เป็น 3 ข้อด้วยกันคือ

หนึ่ง - ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ให้เป็นไปตามที่พล.ท.บุญสิน พาดกลาง เสนอเท่านั้น

สอง - ขอพระราชทานยศ เป็น “พลเอก” บุญสิน พาดกลางเป็นกรณีพิเศษ ที่ยึดคืนแผ่นดินไทยกลับมาได้มากที่สุดในรอบ 17 ปี

และสาม - เชิญมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ซึ่งตำแหน่งว่างอยู่)

เมื่อข้อเสนอของอาจารย์ปานเทพปรากฏต่อสายตาสาธารณชน เสียงตอบรับก็เป็นไปตามความคาดหมาย เพราะยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงก็มียอดวิวถึง 14.6 ล้านวิวเลยทีเดียว

อีกหนึ่งคนที่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือ “ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์” อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่โพสต์ความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเอาไว้ว่า “30 กันยายน 2568 ไม่ใช่แค่วันเกษียณของแม่ทัพภาคที่ 2 แต่กำลังจะกลายเป็นวันเสี่ยงสูญเสียโอกาสของคนไทยทั้งประเทศ เพราะตอนนี้ชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สงบ แม่ทัพคนนี้คือหัวใจของแนวหน้า ท่านคือคนที่ทำให้ทหารกัมพูชาต้องถอย เป็นคนที่ยึดพื้นที่เป้าหมาย 10 จาก 11 จุด กลับคืนมาได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เหลือแค่ปราสาทตาควายที่ระยะห่างจากกำลังทหารไทยเพียง 30 เมตร… ใกล้แค่เอื้อมมือ”

ดร.สามารถระบุด้วยว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของ “ตำแหน่ง” แต่คือเรื่องอธิปไตยของชาติ และ นี่ไม่ใช่เกมของระเบียบราชการ แต่คือเกมชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ สถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา ยังร้อนระอุ ภารกิจยังค้างคา จำเป็นต้องใช้ “มาตรการพิเศษในสถานการณ์พิเศษ”

พลโท บุญสิน พาดกลาง

พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์
สำหรับประเด็นเรื่องการต่ออายุราชการนั้น เจ้าตัวคือ พลโท บุญสิน พลาดกลาง ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า เป็นเรื่องของกระแสสังคมมากกว่า แต่ตนเองปฏิบัติหน้าที่ตามอายุราชการ วันที่ 30 กันยายนก็จบหน้าที่แล้ว และขอขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจ และในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ มั่นใจแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บังคับชาตามลำดับชั้น มีมาตรการคัดเลือกคนที่เหมาะสมและกองทัพสร้างคนมาทดแทนได้อยู่แล้ว

“แม้ผมจะเกษียณฯ แต่ก็ยังเป็นคนไทย และอยู่ช่วยเหมือนเดิม”แม่ทัพกุ้งกล่าวเอาไว้อย่างชัดเจน

เมื่อ “แม่ทัพกุ้ง” ประกาศเช่นนั้น ก็คงต้องไปตรวจสอบข้อมูลของ “แคนดิเดต” ที่จะมารับไม้ “แม่ทัพภาคที่ 2” ต่อจาก พลโท บุญสิน ซึ่งมีทั้งหมด 3 คนว่า เป็นอย่างไรกันบ้าง

แน่นอน “เต็งหนึ่ง” ก็คือ “รองเติ่ง” พลตรี วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาค 2 เพื่อน ตท.26 ของ พลโท บุญสิน และเป็นเพื่อนของ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก

เหตุที่ได้ชื่อว่าเป็นเต็งหนึ่ง เพราะเติบโตจากอีสานใต้ และเคยผ่านตำแหน่งหลักในสายกำลังรบ มาจนเป็น ผบ. พล.ร.6 และ ผบ.กกล.สุรนารี มีประสบการณ์ในพื้นที่อีสานใต้ และร่วมรบในศึกเขาพระวิหาร ปี 2554 และได้รับมอบหมายให้คุมงานสำคัญในพื้นที่มาตลอด นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในทีมไทยแลนด์ ร่วมถก GBC ที่ประเทศมาเลเซียอีกด้วย

ที่สำคัญคือ “รองเติ่ง” นั้นขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 ในปี 2566 จึงเป็นรองแม่ทัพภาค 2 อาวุโสลำดับ 1

คนถัดมาก็คือ “รองยูร-พลตรี นรธิป โพยนอก” รองแม่ทัพภาค 2 เพื่อน ตท.26 ของ พลโท บุญสิน และเป็นเพื่อนของ พลเอก พนา ผบ.ทบ. เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ พลตรี นรธิป เป็นนักรบอีสานใต้และเติบโตมาจากหลายหน่วยจบมาก็ลงหน่วยอีสาน เป็นผู้หมวด และผู้กอง, ฝอ.3 ที่ ร.23 พัน.3 จ.สุรินทร์ จนเป็นผู้พัน ผบ.พัน.ร. มทบ.21

ไม่แค่นั้น ในภาคสนาม ก็มาอยู่อีสานใต้เนื่องจากเป็น ทส.ผบ.กกล.สุรนารี ก่อนมาเป็น ผบ.หน่วยรบ เป็น ผบ.กกล.ทหารพราน ส่วนแยก 15 (โครงการฯ 838 ค่ายปักธงชัย) และเป็นนายทหารฝ่าย เสธ.กกล.สุรนารี อีกหลายปี จนเป็น เสธ.กกล.สุรนารี และเป็น ผบ.คุมกำลัง เป็น ผบ.ร.23 และ ผบ.ฉก.2 ปี อีกด้วย ก่อนมาเป็น เสธ.ทภ.2 และเป็น ผบ.พล.ร.3 และ ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี คุมอีสานเหนือ

แม้จะเป็น “เต็ง 2” และมีอาวุโสเป็นลำดับ 2 ด้วยเพิ่งขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาค 2 เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่อาจไม่มองข้าม พล.ต.นรธิปที่อาจสอดแทรกขึ้นมาได้

ส่วนแคนดิเดตอีกคน คือ “รองณัฏฐ์-พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์” รุ่นน้อง ตท.27 รองแม่ทัพภาค 2 ที่เติบโตจากอีสานใต้ และผ่านมาทุกตำแหน่งในสายบู๊ คุมกำลัง ทั้งผู้การทหารพราน นักรบชุดดำ และทหารลาย จนเป็น ผบ.พล.ร.6 และ ผบ.กกล.สุรนารี

เป็นนายทหารนักรบอีสานใต้ ผ่านมาหลายสมรภูมิสำคัญ สู้กับทหารเขมร เพื่อรักษาแผ่นดินไทยมาหลายพื้นที่ และรับหน้าที่เต็มๆ ในศึกเขาพระวิหาร ปี 2554 จนเป็นที่ครั่นคร้าม น่าเกรงขามของทหารกัมพูชา ที่เรียกชื่อติดปากว่า ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ แถมเป็นคนสุรินทร์ พูดภาษาเขมร สื่อสารได้โดยตรง ฟังภาษาเขมรได้ และด้วยวีรกรรมเหล่านี้ ทำให้ พลตรี ณัฏฐ์ได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว ศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนเตรียมทหาร

พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์

พลตรี นรธิป โพยนอก

พลตรี วีระยุทธ รักศิลป์

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่ไม่ว่าจะเป็นใครใน 3 แคนดิเดตข้างต้น ก็เชื่อว่าน่าจะรับไม้ต่อจากพลโท บุญสินอย่างไม่มีสะดุดแน่นอน

ทีนี้ ก็มาถึงประเด็นที่มีนัยสำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือเก้าอี้ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ด้วยเป็นที่รับรู้กันว่า “เก้าอี้ตัวนี้มีคนจองแล้ว” และคนที่จองเอาไว้ก็เป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญใน “ดีลลับลังกาวี” ดังนั้น การที่ภาคประชาชนเสนอให้พลโท บุญสินมามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหลังเกษียณอายุราชการ นอกจากเป็นเรื่องที่ทำให้ดีลชะงักแล้ว ยังมีนัยลึกซึ้งต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และอธิปไตยของชาติด้วย

กระนั้นก็ดี เรื่องนี้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนเข้าไปอีกหลังศาลรัฐธรรมนูญกำหนดวัน ว. เวลา น.ว่า จะมีคำวินิจฉัยคดีคลิปการสนทนาระหว่าง “แพทองธาร ชินวัตร”กับ “ฮุน เซน” ในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 นี้ และกระแสข่าวดังอื้ออึงไปในทิศทางเดียวกันว่า “ไม่รอด”

และกระแสข่าวก็หนาหูอีกเช่นกันว่า “คน” ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไป อาจไม่ใช่ “ชัยเกษม นิติสิริ” จากพรรคเพื่อไทย หากแต่มีโอกาสสูงที่หวยจะออกที่ชื่อ “พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แคนดิเดตที่ถูกต้องตามกฎหมายจากพรรครวมไทยสร้างชาติ

ถ้าเป็นไปตามกระแสข่าวข้างต้น ก็หมายความว่า “ลุง” จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก “สทร.” อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะผู้มีบารมีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล

ถ้าเป็นไปตามกระแสข้างต้น ก็หมายความว่า “ลุง” คือผู้ที่จะมีบทบาทสำคัญในการเคาะชื่อ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ที่ยังคงเว้นว่างเอาไว้และปัจจุบันมี “บิ๊กเล็ก-พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์” ผู้เป็น “สายตรงลุง” รักษาการในเก้าอี้ตัวนี้

ก่อนหน้านี้ มีคำยืนยันตรงกันว่า “เว้นว่าง” เอาไว้ เพื่อรอให้ “บิ๊กแก้ว-พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์” อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.) ซึ่งติดเงื่อนไขที่ว่าเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา ทำให้ต้อง “เว้นวรรค” ไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นเวลา 2 ปี จึงสามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามสิ่งที่เรียกขานว่า “ดีลลังกาวี” ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ “บิ๊กแดง-พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์” พร้อม “บิ๊กแก้ว” เดินทางไปที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ในช่วงเวลาเดียวกับ “ทักษิณ ชินวัตร”

เป็นดีลลับที่ตกลงเอาไว้ล่วงหน้าระหว่าง “ลุงและสทร.” เพื่อให้มาประสานงานกับ “บิ๊กเล็ก-พลเอก ณัฐพล” เพียงแต่รอให้ถึงเวลาเท่านั้น โดยระหว่างนี้ก็มีคำยืนยันว่า “ว่าที่สนามไชย 1” มานั่งซ้อมมือทำงานล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่เมื่อมีเสียงเรียกร้องจากภาคประชาชนว่า ต้องการให้ “แม่ทัพกุ้ง-พลโท บุญสิน พาดกลาง” ซึ่งเกษียณอายุราชการมาทำงานต่อในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงทำให้ดีลลับไม่ราบรื่นอย่างที่ตกลงกันไว้

กระนั้นก็ดี ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว “แพทองธาร ชินวัตร” จะมีอันเป็นไปหรือไม่ รวมทั้งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้งหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ เพราะทุกวันนี้คนที่มีบทบาทสำคัญในการเคาะชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ยังเป็น “คนเดิม” คือ “ลุง” ที่ดีลกับ “สทร.” เอาไว้

ดังนั้น “ลุง” จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้โดยเฉพาะถ้าหวยออกที่ “แม่ทัพลังกาวี” คือ “พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์” อีกหนึ่ง “สายตรง” ที่เคยใช้งานสมัย คสช. และเป็นน้องรักที่ “บิ๊กแดง” ผลักดันอย่างออกหน้าออกตา แทนที่จะเป็น “พลโท บุญสิน พาดกลาง” ที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และมีความเหมาะสมกับสถานการณ์พิเศษในขณะนี้เป็นอย่างมาก ด้วยผลงานที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชนคนไทยว่า เป็น “ผู้รักชาติ” อย่างแท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น