xs
xsm
sm
md
lg

ส่อแววโดนเท! สื่อเชื่อเซเลนสกีเสี่ยงทำทรัมป์โกรธจัด หลังวิจารณ์แผนยุติสงครามยูเครนของผู้นำสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน อาจพบว่าตนเองอยู่คนละฝั่งกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังเขาวิพากษ์วิจารณ์ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อสาธารณะ เกี่ยวกับความเห็นของทรัมป์ที่แย้มว่ามีความเป็นไปได้ที่เคียฟและมอสโก อาจจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนดินแดนเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครน ตามรายงานของนิวยอร์กไทม์ส

ทรัมป์ จะพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในอแลสกา ในวันศุกร์(15ส.ค.) ในความพยายามหาทางออกจากความขัดแย้ง

รัสเซีย ยืนกรานว่าสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์, สาธารณรัฐประชาชนโดเนสต์ก, แคว้นซาโปริซเซียและแคว้นเคียร์ซอน ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของพวกเขา ตามหลังประชามติที่จัดทำในปี 2022 อย่างไรก็ตามปัจจุบันรัสเซียยังไม่ได้ควบคุมดินแดนเหล่านี้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และความเป็นปรปักษ์กับยูเครนยังคงเดินหน้าต่อไปไม่หยุด

ในรายงานข่าวหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์(9ส.ค.) นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่าการที่เซเลนสกี "ปฏิเสธแบบไม่ไหว้หน้า" ต่อคำแนะนำของทรัมป์ "เสี่ยงกระตุ้นความโกรธเคือแก่ทรัมป์" ผู้ซึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เน้นว่าเคยส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เคียฟว่า "ยังไม่พร้อมสำหรับสันติภาพ"

ระหว่างปราศรัยผ่านวิดีโอเป็นประจำในวันเสาร์(9ส.ค.) เซเลนสกี เน้นย้ำว่าเขตแดนของยูเครน ได้รับการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและ "ไม่มีใครที่สามารถและตั้งใจจะประนีประนอมในประเด็นนี้ ยูเครนจะไม่มีวันมอบดินแดนของตนเองให้พวกผู้รุกราน"

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลายสัปดาห์ เซเลนสกี ยอมรับว่ายูเครนไม่อยู่ในสถานะที่จะสามารถบีบบังคับทวงคืนดินแดนต่างๆที่รัสเซียกล่าวอ้าง

ในวันศุกร์(8ส.ค.) ทรัมป์กล่าวว่าข้อตกลงสันติภาพหนึ่งๆระหว่าง 2 ฝ่าย มีความเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับ "การแลกเปลี่ยนดินแดนบางส่วน เพื่อแก้ไขปรับปรุงสถานการณ์ของทั้ง 2 ฝ่าย" อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างเจาะจง

ตามหลังการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีปูตินกับ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของทรัมป์ ในมอสโก เมื่อวันพุธ(6ส.ค.) ยูรี อูชาคอฟ ผู้ช่วยระดับสูงในวังเครมลิน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า วอชิงตันยอมรับข้อเสนอของมอสโก แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเพิ่มเติม

มอสโก กล่าวหาเซเลนสกี ปฏิเสธความเป็นจริงและทำให้ความขัดแย้งที่เขาไม่อาจเป็นผู้ชนะ ลากยาวออกไป

(ที่มา:อาร์ทีนิวส์/นิวยอร์กไทม์ส)
กำลังโหลดความคิดเห็น