กัมพูชาบิดข้อมูลทุกเรื่องช่วงปะทะกับฝ่ายไทย จนเป็นที่เอือมระอาเจ๊มาลีขึ้นแท่น ขยันปั้นเรื่องเท็จ มาทุกแนวสร้างเรื่องเท็จทั้งเครื่องบินไทยโปรยสารเคมีจนถูกจับโป๊ะเป็นภาพดับไฟป่าในสหรัฐฯ แถมกุเรื่องพบระเบิดอ้างว่ามาจากF16 สภาพสนิม-หลุมลึกฟ้องจนไปต่อไม่เป็นแนวรบออนไลน์ไทยยอมรับ สงครามข่าวฝั่งกัมพูชาเร็วกว่าไทย เหมือนมีทุนรัฐสนับสนุนทุกอย่างมาเป็นชุด ผู้นำ-คนดัง-ยันประชาชนรับลูกไปทางเดียวกันแนะไทยต้องอำนวยความสะดวกด้านข้อมูลต้องเร็วและตรวจสอบง่าย
สมกับความเป็นประเทศแห่ง Scammer บ้างก็เรียกกันว่า Scambodia ข้อมูลทุกอย่างถูกปิดเบือนจากฝั่งกัมพูชา เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับฝ่ายตัวเองและใส่ร้ายฝั่งตรงข้าม ยอมแม้กระทั่งปั้นข้อมูลเท็จในช่วงของการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา
การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาบริเวณชายแดน เริ่มขึ้น 24 กรกฎาคม 2568 และยุติลงเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ตามคำร้องของโดนัลทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยมีสักขีพยานทั้งสหรัฐ จีน และมาเลเซียเจ้าภาพในฐานะประธานอาเซียน ได้ข้อยุติหยุดยิงเวลา 00.00น.ของวันที่ 29 กรกฎาคม 2568
ระหว่างที่ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกัน เราได้เห็นสงครามข่าวสารบนโลกออนไลน์จากฝ่ายกัมพูชาสวนทางกับข้อเท็จจริงที่ได้เห็นจากสื่อของไทย รวมทั้งการเปิดประเด็นใหม่ ๆ จากฝ่ายกัมพูชาที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
ในภาวะเช่นนี้แน่นอนว่าทุกฝ่ายต้องการความได้เปรียบในทุกด้าน ข้อมูลข่าวสารถือเป็นหัวใจสำคัญประการหนึ่ง โดยกัมพูชาเลือกที่จะใช้สื่อออนไลน์สร้างทั้งประเด็นเชิงรุก และโอดครวญในฐานะผู้ถูกกระทำ แม้ว่าหลักฐานที่นำมาเสนอนั้นจะห่างไกลจากความเป็นจริงชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นหรือพลิกจากขาวเป็นดำ
กัมพูชาทำเป็นทีม
หนึ่งในแนวรบด้านสื่อออนไลน์ฝั่งไทย เล่าให้ฟังถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เชื่อว่าการตอบโต้กันในทางออนไลน์ยังคงมีเหมือนเดิม แต่อาจดุเดือดขึ้นตามสถานการณ์ที่เพิ่งสงบลง พร้อมทั้งกล่าวถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ว่า
ฝั่งกัมพูชาเขาทำงานเป็นทีม เชื่อว่ามีแรงสนับสนุนมาจากฝั่งรัฐบาลกัมพูชา เพราะลูก ๆ ของฮุนเซนคุมสื่ออยู่ ญาติเขาบางคนก็อยู่หน่วยข่าวกรองกัมพูชา ทีมเขาอาจใช้คนไม่เยอะ สังเกตุได้จากชุดคำพูดจะซ้ำ ๆ กัน ตรงนี้จะใช้เป็นแกนหลักในการชี้นำประเด็นและทิศทางในการโจมตี เพื่อล่อให้คนเขมรทั่วไปโดดเข้ามาร่วมวง
จากนั้นจะมีสื่อกัมพูชาทั้งภาษาอังกฤษและเขมรที่มีคนติดตามมาก ๆ หลักล้านคน นำเอามาปั่น โยนกันไปมาเพื่อเพิ่มยอด แม้เรื่องดังกล่าวจะเป็นข้อมูลเท็จ
การแถลงข่าวจากทุกหน่วยงานของกัมพูชาจะเป็นไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมด ไม่สนใจเรื่องถูกผิดของข้อมูล ขอให้ได้เผยแพร่ออกไปตามที่ผู้นำต้องการเท่านั้น จากนั้นก็จะมีคนดังของกัมพูชารับเอาไปขยายต่อ
เท่าที่เราเห็น เขามีทีม Hacker และใช้ Robot ในการทำลายล้างคู่แข่งโดยเฉพาะสื่อจากฝั่งไทย ที่ผ่านมาสื่อไทยบางแห่งก็ถูก Report ถูกถล่มด้วยวิธีการต่าง ๆ จากฝั่งกัมพูชา แต่ยังรอดมาได้
นอกจากนี้กัมพูชายังมี Influencer คนดัง นักร้อง ดารา หรือนางงามพร้อมที่จะเข้ามารับหน้าที่ขยายเรื่องต่อ แบบไม่ต้องกลัวเรื่องของรายได้ในอนาคต สิ่งที่กัมพูชาปล่อยออกมา เขาไม่สนข้อมูลเท็จ ถูกจับผิดได้ก็ลบ หรือเปิดเรื่องใหม่ขึ้นมากลบของเก่า
เล่นทางเดียวกันทั้งหมด
เขาเล่นเป็นแนวเดียวกันทั้งหมดตั้งแต่ระดับผู้นำของประเทศ สื่อ ทหารและภาคประชาชน จะบอกว่าเขาไม่รู้ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะบางท่านเป็นบุคคลระดับสูงในกัมพูชา มีความรู้ความสามารถ แต่ก็แสดงความเห็นไปในแนวทางเดียวกับรัฐบาลกัมพูชา เช่น สร้างภาพว่าฝ่ายไทยใช้อาวุธสารเคมีกับคนกัมพูชา
เฟซบุ๊ค "Norodom sihamoni" ของ "พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี" ได้โพสต์ fake news ใส่ร้ายประเทศไทย ใจความว่า ไทยได้ก่ออาชญากรรมสงครามอีกครั้งโดยการใช้อาวุธเคมีโจมตีทหารกัมพูชา
อาวุธเคมีถูกห้ามอย่างเคร่งครัดภายใต้อนุสัญญาอาวุธเคมี (CWC) ซึ่งทั้งประเทศไทยและกัมพูชาเป็นภาคี การใช้อาวุธดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในอาชญากรรมสงครามที่ร้ายแรงที่สุด
เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม กองทหารไทยยังได้ใช้ระเบิดลูกปรายซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎหมายระหว่างประเทศ และถือเป็นอาชญากรรมสงครามเช่นกัน
ทางการกัมพูชารายงานว่าพบระเบิดพวงในพื้นที่ชายแดนกัมพูชาหลังการโจมตีของไทย ซึ่งชี้ชัดว่ากองทัพไทยละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและก่ออาชญากรรมสงคราม
“เจ๊มาลี”ผลงานเข้าตา
นอกจากนี้ยังมีดาวเด่นอย่างพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ออกมาแถลงข่าวด้วยข้อมูลที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงในหลายเหตุการณ์ จนกลายเป็นที่กล่าวถึงในทางลบจากคนไทย
หรืออีกเรื่องอย่างการเผยแพร่ภาพพบลูกระเบิดขนาดใหญ่ ก็ถูกระบุว่าเป็นระเบิดที่ตกค้างจาการทิ้งระเบิดจากเครื่องบิน F16 ของไทย ทั้ง ๆ ที่ตัวระเบิดที่พบมีสภาพเก่า และต้องขุดลงไปในพื้นดินลึก ขณะที่การปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาเพิ่มมีไม่กี่วัน หากเป็นจริงสภาพระเบิดต้องใหม่กว่านี้ ฝ่ายไทยจริงตรวจสอบคาดว่าน่าจะเป็นระเบิดตกค้างในยุคสงครามเวียดนาม
เฉพาะเรื่องนี้สื่อหลักของกัมพูชาอย่างพนมเปญโพสต์ ก็โอนให้กับสื่ออื่น ๆ นำไปขยายต่ออีก 4-5 ราย
ไม่ว่าจะเป็นบุคคลระดับไหนของกัมพูชา เวลาพูดจะให้ร้ายฝ่ายไทยเสมอ ทหาร 20 คนที่มอบตัวก็ไปชี้แจงว่าเราลักพาตัว หรือการส่งศพทหารเขมรกลับก็ถูกกว่าหาว่าถูกจับแล้วนำไปยิงทิ้ง เขาพร้อมให้ข้อมูลเท็จทุกอย่างไม่ว่าฝ่ายไทยจะทำดีแค่ไหนกับเขา จรวดของคุณถล่มบ้านเรือนประชาชน โรงพยาบาลได้รับความเสียหาย ยังจะขอส่งคนของคุณมารักษาที่โรงพยาบาลไทย อ้างหลักมนุษยธรรม นี่คือความคิดของคนที่โครตเห็นแก่ตัว
ปล่อยข่าว-กัมพูชาเร็วกว่า
“เราต้องยอมรับความจริงก่อนกว่าเฉพาะด้านข้อมูลข่าวสาร กัมพูชาเร็วกว่าไทย เพราะไทยเน้นไปที่เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง การตรวจสอบต้องใช้เวลา ต้องขออนุมัติผู้มีอำนาจ ทุกอย่างเลยไม่ทันต่อสถานการณ์”แหล่งข่าวกล่าว
ที่สำคัญคือภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ในแง่ของคนหน้าแนวออนไลน์ต้องใช้ข้อมูลของกองทัพเท่านั้น แถมยังมีเพจรองของกองทัพอีกชั้นหนึ่ง ส่วนเพจทางการของฝ่ายการเมืองไม่ต้องพูด ช้า ไม่ทันการณ์ แถมโบ้ยให้มาดูที่เพจกองทัพอีก
เราจึงได้เห็นสื่อทางการของไทยส่วนใหญ่สาละวนกับการแก้ข่าวเท็จที่ปล่อยมาจากฝั่งกัมพูชา เมื่อไทยโต้ ก็เปิดเรื่องใหม่ออกมาเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
นอกจากนี้เราไม่มี คนดัง influencer หรือดาราเข้ามาร่วม ซึ่งเข้าใจได้เพราะเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา เวียดนามก็เสพสื่อบันเทิงของไทย หากออกมาก็จะมีผลต่อรายได้ในอนาคต
ถัดมากัมพูชามี Speaker อย่างพลโทหญิงมาลี เป็นจุดขายทั้ง ๆ ที่ปั้นข้อมูลเท็จ ส่วนไทยยังไม่มี ที่จริงใครก็ได้ที่สามารถสื่อสารได้ 2 ภาษา มีบุคลิกดีและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทีมตอบโต้ไทยทำด้วยใจ
ทีมคนไทยที่มาตอบโต้ฝั่งกัมพูชาไม่มีงบสนับสนุน ไม่มีเพจหรือหน่วยงานรัฐที่พร้อมตรวจสอบข้อมูลได้ท่วงที ทุกคนมาด้วยใจออกทุนส่วนตัว สละเวลาเพื่อค้นหาข้อมูลตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม
เราไม่เคยคิดว่าจะต้องได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล เพราะที่มาทำกันก็ทำด้วยใจ เห็นว่าฝ่ายกัมพูชาให้ข้อมูลบิดเบือน แกนนำก็เชี่ยวชาญกันคนละด้าน ทำให้พลังในการตอบโต้มีจำกัด เราขอเพียงแค่ความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นทางการ รวดเร็ว ทันสถานการณ์ อาจจะช้าสัก 30-60 นาทีก็ยังดี
ฝ่ายไทยตั้งรับฝั่งเขมรมาตลอด จะเพิ่งได้เห็นการตอบโต้ในเชิงรุกในรูปแบบใต้ดินบ้าง คือกรณีการโต้กลับเรื่องหลวงตาสุจ(พระไทยใจเขมร)ว่าเป็นสายลัยจากฝั่งไทย หรือภาพของพลโทหญิงมาลีกับผู้นำกัมพูชา ทุกคนก็ดูออกว่าเป็นการทำประชดประชัน
โชคดียุคนี้ตรวจสอบไม่ยาก
เราไม่มีหน่วยงานที่กรองข้อมูลและตอบโต้ข้อมูลจากฝั่งกัมพูชาได้ทันที แม้เรามีเพจชัวร์ก่อนแชร์ หรือ Anti-Fake news แต่ก็ไม่ทันต่อสถานการณ์ หรือหน่วยงานที่ควบคุมด้านการสื่อสารเราก็มี แต่ก็เงียบ นี่คือปัญหา เราต้องมีการรวมศูนย์บังคับบัญชา ที่ผ่านมาเราทำแบบตัวใครตัวมัน ประเทศอื่นเขามีงบประมาณและข้อมูลสนับสนุนฝ่ายพลเรือนทั้งแบบตรงและแบบลับ แน่นอนว่าเราไม่มี
โชคดีอย่างหนึ่ง บนโลกออนไลน์ทุกวันนี้ การตรวจสอบข้อเท็จจริงอาจทำได้ภายในเวลาไม่นานนัก อย่างเช่นเรื่องไทยใช้เครื่องบินโปรยสารเคมี สุดท้ายก็ถูกจับผิดได้
โดยเพจ Army military Force สำรอง เผยแพร่ข้อมูลจาก สำนักข่าว AFP แฉรัฐมนตรีต่างกระทรวงการประเทศกัมพูชาปั่นข่าวปลอม กล่าวหาไทยใช้สารเคมีโจมตีชาวเขมร หลังปล่อยภาพเครื่องบินโปรยสารสีชมพู ปรับแต่งด้วยการใส่ธงชาติไทย พร้อมข้อความว่า "ทหารไทยใช้แก๊สพิษสังหารพลเรือนกัมพูชา" เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
จากการตรวจสอบพบว่าภาพนี้เผยแพร่ครั้งแรกโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ในรายงานเกี่ยวกับความพยายามในการดับเพลิงในช่วงไฟป่าที่ลอสแอนเจลิสในเดือน 11 มกราคม พ.ศ. 2568 ในความพยายามดับไฟป่า Palisades ซึ่งเป็นไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงไฟป่าในลอสแองเจลิส
เช่นเดียวกับเรื่องระเบิดที่อ้างว่าปล่อยมาจาก F16 ของไทย ที่ใครเห็นก็ไม่เชื่อ ทั้งสภาพระเบิดที่เก่าและอยู่ลึกจากพื้นดิน
ฝากถึงรัฐบาล
ทีม Admin ฝ่ายไทยยังกล่าวต่อไปว่า เพราะรัฐบาล คือ แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุด และเป็นสื่อมวลชนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในระดับโลก
1.การสื่อสารของรัฐบาลมีบทบาทสำคัญยิ่งในบริบทของวิกฤตการณ์หรือความขัดแย้งระดับชาติและระหว่างประเทศ
2.เพราะรัฐบาลไม่เพียงเป็น "แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุด" เท่านั้น หากยังเปรียบเสมือน "สื่อมวลชน" ที่มีพลังและอิทธิพลสูงสุดในการกำหนดทิศทางการรับรู้ของประชาชนในประเทศและต่างประเทศ
3.ป้องกันและจัดการข่าวลวง (Fake News) และข้อมูลบิดเบือน ในยุคที่ข้อมูลสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย การนิ่งเฉยของรัฐอาจทำให้ข่าวลวงกลายเป็น "ความจริงทางสังคม" ได้
การที่รัฐบาลออกมาให้ข้อมูลอย่างทันท่วงทีและมีหลักฐานชัดเจน จะช่วยทำลายวงจรของข่าวปลอมและลดอิทธิพลของข้อมูลที่เป็นภัยต่อความมั่นคง และการสื่อสารจากรัฐบาลจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกชักจูงโดยข้อมูลที่ผิดพลาด
4.ป้องกันความตื่นตระหนก การสื่อสารอย่างชัดเจนและสม่ำเสมอจากรัฐบาล จะช่วยให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง ลดความสับสน ความตื่นตระหนัก และยังช่วยให้ทุกภาคส่วนสามารถวางแผนและปรับตัวได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤต
5.สร้างสื่อสารในระดับโลกได้อย่างมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือในเวทีระดับโลก การสื่อสารของรัฐบาลเป็นตัวกำหนดภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาชาวโลก สร้างน้ำหนักที่น่าเชื่อถือมากกว่าการสื่อสารขององค์กรเอกชนหรือบุคคลทั่วไป
6.ช่วยขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางเดียวกัน การสื่อสารของรัฐบาลที่มีเป้าหมายและทิศทางชัดเจน จะเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางเดียวกัน