เพจพรรคประชาชน โพสต์ระบุว่า [ แฉงบซ่อมสภาภาค 2! ซ่อมสภา กทม. 194 ล้าน ส่อพิรุธกินส่วนต่างโครงสร้างตึกยันตกแต่งภายใน ]
ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรกำลังพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 กรอบวงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท สภากรุงเทพมหานครเองก็กำลังพิจารณาญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน 92,000 ล้านบาทอยู่เช่นกัน
โดยวานนี้ (31 ก.ค.) ช่วงหนึ่งในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคประชาชน ได้ตั้งข้อสังเกตถึงงบซ่อมสภากรุงเทพมหานครหรือ “อาคารไอราวัตพัฒนา” ที่มูลค่ารวมสูงกว่า 194 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 โครงการ ประกอบด้วย ซ่อมหลังคา ปรับปรุงพื้นที่ชั้นใต้ดิน ซ่อมระบบเครื่องกล และการก่อสร้างห้องสมุดสภา กทม.
[ ปีที่แล้วโดนตัด ปีนี้แปลงร่างขอใหม่ ]
บางคนอาจสงสัยว่าตึกเดียวใช้งบเกือบ 200 ล้านบาทเลยหรือ จึงต้องย้อนไปในปีงบประมาณ 68 ซึ่งมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการของบปีนี้
กล่าวคือปีที่แล้วมีโครงการหนึ่งที่ไม่มีอยู่ในเล่มร่างงบประมาณ แต่ผู้ว่า กทม. เร่งยัดเข้ามาในงบแปรญัตติไม่กี่วันก่อนจะถึงวันสุดท้ายของการพิจารณางบประมาณ เป็นเลขกลมๆ โครงการเดียวกว่า 573 ล้านบาท ชื่อ “โครงการปรับปรุงอาคารไอราวัตพัฒนา” ของสำนักเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร ทำตั้งแต่ซ่อมหลังคา เปลี่ยนลิฟต์-เปลี่ยนบันไดเลื่อนทั้งสภา ทำห้องน้ำใหม่ทั้งสภา และอื่นๆ อีกมากมาย
“การรีบเขียนโครงการ รายละเอียดไม่มี ถามแล้วตอบไม่ได้ แต่ยอดใหญ่ขนาดสร้างตึกใหม่ได้นั้น เราจะเรียกว่าจงใจทุจริตได้หรือไม่ โชคยังดีที่เพื่อนสมาชิกมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ร่วมกันตัดงบของผู้ว่าฯ ตัวนี้ออกอย่างเป็นเอกฉันท์ในที่ประชุมวิสามัญงบประมาณปีที่แล้ว”
แต่แทนที่ตัดงบทิ้งไปในปีก่อนแล้วจะจบ ปรากฎว่าโครงการนี้ฟื้นคืนชีพกลับมาในร่างใหม่ จากก้อนเดียวก้อนใหญ่ แตกเป็น 4 ก้อน แยกไป 2 สำนัก คือสำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร และสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว โดยสิ่งที่เหมือนกับงบปี 68 มี 2 อย่าง คืองบประมาณการซ่อมหลังคาอาคารไอราวัตพัฒนา และงบประมาณซ่อมแอร์
โดยปกติเวลาจะมีการทุจริต มักมีการเคาะยอดเงินที่ต้องทอนออกมาเป็นตัวตั้งต้นก่อน แล้วค่อยเขียนโครงการมาสวม ดังนั้นถ้ายอดเดิมคือ 573 ล้านบาท แล้วยอดใหม่ของ 4 โครงการในร่างงบประมาณปี 69 แค่ 194 ล้านบาท เป็นไปได้ที่อีกเกือบ 400 ล้านบาทจะยังสาละวนอยู่กับการปรับปรุงสภา กทม. แต่อาจเบี่ยงไปเป็นงบประมาณด้านดิจิทัลแทนเพราะดูตรวจสอบยากกว่า และอาจเข้ามาในรูปแบบของงบแปรญัตติอีก 6 โครงการในปลายเดือนสิงหาคมนี้
“ท่านผู้ว่าฯ อาจจะใช้มุกเดิม บอกว่าข้าราชการทำเอง ท่านไม่เคยทราบ ดิฉันคิดว่าท่านควรเลิกดูถูกพี่น้องประชาชน คำขอจากหน่วยงาน 2 สำนักที่ว่า ท่านแทบไม่ได้ตัดงบอะไรที่สำนักขอมาเลย จากเกือบ 200 ล้าน ตัดรวมกันไปแค่ 1.8% จากที่ขอมาเท่านั้น”
[ เจาะ 4 โครงการรายละเอียดน่าสงสัย ]
สำหรับโครงการแรก งานปรับปรุงหลังคาไอราวัตพัฒา 52.6 ล้านบาท งานหลักคือการซ่อมหลังคา ซึ่งแม้ตนเห็นด้วยว่าควรทำใหม่ แต่ต้องถามว่าราคาสูงเกินไปหรือไม่ เช่นงานรางน้ำสเตนเลสอาคารไอราวัตพัฒนา ราคารางน้ำปกติที่ใช้สำหรับคอนโดสูงจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทต่อเมตร แต่ราคาที่ผู้ว่า กทม. เสนอมาอยู่ที่ 15,000 บาทต่อเมตร เมื่อคำนวณแล้วพบว่ามีส่วนต่างสูงถึง 1,430,000 บาท
โครงการที่สองเป็นงานปรับปรุงพื้นที่ภายในอาคารไอราวัตพัฒนา ชั้น B2 ราคา 43 ล้านบาท เหตุผลความจำเป็นของโครงการนี้ คือบอกว่าห้องประชุมไม่เพียงพอและห้องงบประมาณใช้ไม่สะดวก แต่จากที่ตนใช้มา 3 ปีก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร อุปกรณ์ต่างๆ ครบครัน อีกทั้งมีการใส่จำนวนตารางเมตรมาเกินความเป็นจริงไปมาก จากห้องประชุมใหญ่พื้นที่ 243 ตารางเมตร กลับใส่มา 2,972 ตารางเมตร ทำให้มีส่วนต่างเพิ่มขึ้นมา 13,645,000 บาท จากยอดเดิมเพียง 1,215,000 บาท
เมื่อเทียบราคาครุภัณฑ์ทุกรายการ ส่วนต่างฉ่ำๆ 59% และเหตุที่ราคาครุภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์บวมขนาดนี้ได้ เพราะทั้งหมดเป็นการเสนอราคามาเทียบ 3 เจ้า บ้านเดียวกันทั้งหมด เป็นธุรกิจครอบครัว แบบนี้แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่กำลังสะท้อนว่า กทม. มีระบบที่เอื้อและเห็นดีเห็นงามต่อการทุจริต ทำให้ผู้ประกอบการต้องใช้วิธีแบบนี้เพื่อให้ได้งาน ใช่หรือไม่?
โครงการที่สามเป็นงานปรับปรุงระบบเครื่องกลหรือระบบแอร์และลิฟต์ในอาคารไอราวัตพัฒนา ราคา 55.8 ล้านบาท เหตุผลความจำเป็นของโครงการ ยกมาตั้งแต่แอร์ในอาคารไม่เย็นบางจุด น้ำแอร์หยด ค่าบำรุงรักษาแพง ระบบท่อและวาล์วชำรุด ลดขนาดห้องเครื่องเพื่อประหยัดพลังงาน และอื่นๆ อีกมากมาย ฟังแล้วเหมือนจะพังทั้งระบบ ตนในฐานะผู้ใช้งานอาคารก็เห็นตามเนื้อผ้าแค่ว่าห้องประชุม 2-3 ห้องแอร์ไม่เย็นเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ยังไม่เห็นหลักฐาน คงต้องขอเอกสารเพิ่มเติม
แต่ในส่วนของงบประมาณที่ขอมา โครงการนี้ควรจะลงรายละเอียดและมีความชัดเจนที่สุดแล้ว เพราะเป็นงานติดตั้งและงานจัดซื้อเครื่องจักรใหญ่ แต่เป็นที่น่าสงสัยมากๆ ว่าทำไมเขียนใบแสดงรายการวัสดุและค่าใช้จ่าย (BOQ) ให้คลุมเครือจนไม่รู้ว่าแต่ละรายการทำอะไร
โครงการสุดท้าย คืองานก่อสร้างห้องสมุดสภา กทม. อาคารไอราวัตพัฒนา ราคา 43,030,000 บาท โครงการนี้ตนหนักใจมาก พยายามหาเหตุผลความจำเป็นอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่เจอความสมเหตุสมผล เริ่มกันที่ความต้องการให้ห้องสมุดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของห้องสมุดทั้ง กทม. ในแบบก่อสร้างมีทั้งหลังคาเปิด-ปิดได้พร้อมมอเตอร์อัตโนมัติยอดรวมกว่า 16 ล้านบาทที่ไม่รู้ว่าทำทำไม รวมถึงมีโรงหนังมินิโฮมเธียเตอร์ขนาด 20 ที่นั่ง ถามจริงๆ ว่าท่านผู้ว่าฯ จะให้สภาฉายอะไรและใครจะมาดู ท่านผู้ว่าฯ ไปขอแบบจากโรงหนัง 4D สุดปังของรัฐสภามาหรือเปล่า?
[ ผู้ว่า กทม. ปล่อยปละละเลย รู้เห็นเป็นใจ หรือหลับตาข้างเดียว หรือไม่? ]
ทั้ง 4 โครงการซ่อมสภา กทม. ที่กล่าวมา คือการ “ซ่อมสภาภาค 2” ต่อจากภาคแรกที่เป็นการซ่อมรัฐสภาโดยปรากฏพิรุธที่ทำให้สงสัยได้ว่ามีการกินส่วนต่างครุภัณฑ์อย่างหน้าไม่อาย กินโครงสร้างตึกตั้งแต่รางน้ำฝนยันตกแต่งภายใน มีความลักลั่นที่จะเอาส่วนต่างจากการปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณใหม่และโรงหนังที่ไม่รู้ว่าเอามาดูอะไร
ก่อนหน้านี้ตนคิดว่าการทุจริตที่ง่ายที่สุดคือการซ่อมสภาที่นักการเมืองอยู่กันเอง เพราะคนตรวจสอบงบ เวลาก่อสร้างก็งุบงิบทำไปเพราะไม่มีประชาชนมาร้องเรียน สำหรับสภากรุงเทพมหานครซึ่งเป็นสภาท้องถิ่น อยู่ภายใต้กระทรวงมหาดไทยที่มีผู้ว่าฯ เป็นฝ่ายบริหาร งบซ่อมสภา กทม. นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีฝ่ายบริหาร กทม.จัดให้ และผู้ว่าฯ เป็นคนเซ็นอนุมัติ
ข้อเสนอของภัทราภรณ์ต่อคณะกรรมการวิสามัญพิจารณางบประมาณฯ ที่จะเริ่มทำงานในอีกไม่กี่วันนี้
ปรับลดงบประมาณลงมากกว่า 50% จากร่างงบประมาณที่ขอมา เพื่อให้เหมาะสมกับปริมาณงานจริง ได้แก่ โครงการงานปรับปรุงหลังคาและงานปรับปรุงระบบเครื่องกลหรือระบบแอร์และลิฟต์
ส่วนที่ให้ตัดทิ้งทั้งรายการเนื่องจากไม่มีเหตุผลความจำเป็น ได้แก่ โครงการปรับปรุงพื้นที่ชั้น B2 และงานก่อสร้างห้องสมุดสภา กทม.
อย่างน้อยที่สุดจะช่วยประหยัดภาษีของพี่น้องประชาชนไปได้ถึง 140,230,000 บาทเพื่อนำไปพัฒนากรุงเทพมหานครให้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ในด้านอื่นต่อไป