โฆษกกองทัพบกยอมรับ ควบคุมปราสาทตาควายไม่ได้ 100% เพราะตัวปราสาทมีทุ่นระเบิด เผยก่อนเส้นตายหยุดยิงพยายามเข้าจู่โจม แต่เจอทุ่นระเบิด หมวดบุ๊คบาดเจ็บสาหัส เผยภาพจากสื่อกัมพูชาเป็นหลักฐานประท้วงในเวทีโลก
วันนี้ (31 ก.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงข่าวชี้แจงกรณีปราสาทตาควาย หลังมีภาพปรากฎผ่านเฟซบุ๊กนักข่าวชาวกัมพูชารายหนึ่ง ระบุว่าทหารกัมพูชายึดปราสาทตาควายเอาไว้ได้แล้ว ยอมรับว่าในการปฎิบัติการ ปราสาทตาควายมีข้อจำกัดหลายสิ่งหลายอย่าง ถามถึงการควบคุมพื้นที่นั้น พื้นที่ทั้งหมดสามารถควบคุมได้ แต่ตัวปราสาทตาควายมีข้อจำกัด เป็นความพยายามสุดท้ายของทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ปัจจุบันยอมรับว่าไม่สามารถควบคุมได้ 100% แต่สามารถยึดพื้นที่ควบคุมเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนที่มีการปะทะ ปัจจุบันควบคุมได้โดยใช้อาวุธยิง ซึ่งพื้นที่ภูมิประเทศสำคัญจะไม่ใช่ตัวปราสาทตาควาย เพราะเป็นพื้นที่ต่ำ แต่เดิมหากวางกำลังที่ปราสาทตาควาย อาจไม่ปลอดภัยเรื่องการใช้อาวุธสนับสนุนจากฝ่ายตรงข้าม จึงให้ความสำคัญกับการคุมพื้นที่บริเวณดังกล่าว
สำหรับห้วงสุดท้ายที่มีการใช้กำลัง พยายามกระทำต่อเป้าหมายจุดสูงข่ม คือ เนิน 350 เป็นจุดสำคัญที่มีผลกระทบต่อการกระทำทางทหาร ซึ่งมีเป้าหมายที่จะยึดตรงนั้นให้ได้ แต่เวลาอาจมีไม่พอ อย่างน้อยใช้ควบคุมพื้นที่ส่วนรวม โดยการควบคุมด้วยอาวุธ ซึ่งเนิน 350 เป็นที่วางกำลังของฝ่ายกัมพูชา และมีการใช้อาวุธยิงมาบริเวณตัวปราสาท จึงไม่สามารถวางกำลังประจำได้ เพราะเป็นเป้าหมายทางทหารที่นิ่ง ค่อนข้างมีความอ่อนแอ จึงมีความแตกต่างจากที่อื่น ตามที่ปรากฎทางข่าวสาร หากเราเคลื่อนที่ไปยังปราสาทตาควายอย่างผลีผลามอาจเจอเครื่องยิงสนับสนุน BM-21 พร้อมจู่โจม
แต่ห้วงเวลาสุดท้ายเรามีความพยายามเข้าสู่เนิน 350 และปราสาทตาควายในห้วงเย็น แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอสนามทุ่นระเบิดบริเวณรอบปราสาทตาควาย ทำให้กำลังพลอย่างหมวดบุ๊ค (ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาวร) ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีผลในการรั้งหน่วงในช่วงสุดท้าย ที่พยายามสร้างสมดุลในภารกิจสุดท้าย กับขวัญและกำลังใจของกำลังพลควบคู่กันไป เมื่อเวลาหมดสามารถควบคุมพื้นที่มากกว่าเดิม แต่อาจไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำปราสาทตาควาย
เมื่อถามว่า สรุปแล้วตอนนี้ไทยยึดปราสาทตาควายไม่ได้ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ความจริงปฎิบัติการทางทหารเราอาจไม่ได้หมายถึงสิ่งปลูกสร้างอย่างเดียว แต่หมายถึงองค์ประกอบโดยรอบ เรียกว่าเป็นพื้นที่ เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงพื้นที่ปราสาทตาควาย เราได้พื้นที่เพิ่มเติม และพื้นที่ที่ได้ถือว่าสามารถควบคุมตัวปราสาทได้ เพียงแต่ถ้าเราเห็นว่ามีฝ่ายทหารกัมพูชาอยู่ที่บริเวณตัวปราสาท ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการหยุดยิง เพราะฉะนั้นต้องหยุดการปฎิบัติทางทหารไว้เท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าใครที่เดินอยู่ในตัวปราสาทตาควายในปัจจุบันนั้นจะเป็นผู้แพ้ชนะ ในการต่อสู้บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย
ทั้งนี้ ปราสาทตาควายเป็นพื้นที่เดียวที่มีทั้งทหารไทยและทหารกัมพูชา ซึ่งตนได้ให้ข้อมูลมาตลอดว่าปราสาทตาควายเป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญอยู่ ตนไม่ฟันธงเพราะอยู่ที่มุมมองว่าจะพูดถึงพื้นที่ปราสาทอย่างไร ทหารไม่ได้มองตัวปราสาท แต่มองว่าตัวปราสาทอาจเป็นเป้าหมายด้วยซ้ำไป เราอาจมองพื้นที่ควบคุมทางทหารแบบอื่น อาจจะมีความสำคัญมากกว่า
เมื่อถามว่า เมื่อทหารกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดจะเป็นหลักฐานในการประท้วงหรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ชัดเจน เรื่องทุ่นระเบิดเรามีความแน่ชัดตั้งแต่เหตุทหารเหยียบกับระเบิดครั้งที่สอง ซึ่งพบที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่แล้ว ตรงนี้เป็นเชิงประจักษ์ที่ค่อนข้างชัดเจน เพราะเรามีผู้ประสบเหตุจริง และวันนี้ถ้าใครติดตามข่าวสารก็จะเห็นว่ามีสื่อสังคมออนไลน์พาไปชมบริเวณปราสาทแล้วจะเห็นพวงทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 วางอยู่ ไม่ได้วางอยู่ชิ้นเดียว แต่จะเป็นลักษณะพวง อันนี้อาจเป็นสิ่งบอกเหตุว่ามีจำนวนมากจริงๆ ซึ่งตรงนี้จะเป็นข้อมูลและองค์ประกอบหนึ่ง ต้องเข้าใจว่าในปัจจุบันการต่อสู้ในทางทหารอาจคลี่คลายลงไปบ้าง แต่การต่อสู้ในเวทีต่างประเทศยังคงต้องดำเนินการต่อ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกับรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ หลักฐานและข้อพิสูจน์ต่างๆ ขณะนี้ได้ถูกเก็บรวบรวมไว้หมด ไม่ว่าจะมาจากสายของทางราชการ หรือสายของสื่อมวลชนทั่วไป ถือเป็นองค์ประกอบที่ใช้พิสูจน์ได้
เมื่อถามว่า เรื่องทุ่นระเบิด ระหว่างหยุดยิงสามารถเก็บกู้หรือดำเนินการได้หรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ขณะนี้ขอดูก่อนว่า เรื่องนี้ต่อไปฝ่ายทหารจะดำเนินการอย่างไร ในขั้นนี้เริ่มจากหยุดยิงก่อน แต่ว่าในการปฎิบัติอื่นๆ ก็คงต้องมีต่อไป ต้องดูอีกที
ทั้งนี้ ระหว่างการแถลงข่าว พล.ต.วินธัยได้นำแผนที่มาแสดง โดยพบว่าพื้นที่กรอบสีฟ้า คือ โซนกำลังฝ่ายไทย พื้นที่กรอบสีเหลือง รวมปราสาทตาควาย เป็นโซนสนามทุ่นระเบิด ส่วนพื้นที่กรอบสีแดง คือโซนกำลังฝ่ายกัมพูชา แสดงให้เห็นว่า กำลังฝ่ายไทยคุมพื้นที่ได้มากขึ้น แต่กัมพูชาอยู่บนเนินหลังปราสาท เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีกว่า ทหารไทยไม่ปลอดภัยที่จะไปตรึงกำลังที่ตัวปราสาท และในพื้นที่รอบปราสาทมีการวางทุ่นระเบิดจำนวนมาก สุดท้ายเวลาไม่พอที่จะยึดครองพื้นที่ดังกล่าวหลังหยุดยิงได้