รมช.กลาโหมเผย อดทนอดกลั้นมานานแล้ว ไม่เจรจากับกัมพูชา พร้อมไฟเขียวกองทัพไทยจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถเมื่อสั่ง พยายามจะไม่ให้บานปลายแต่หากรุกล้ำอธิปไตยไทยเราก็ยอมไม่ได้ รบกันในพื้นที่ไม่ต้องขออนุญาตรัฐบาล ส่วนกระทรวงมหาดไทยเตรียมพร้อมอพยพประชาชนตามแนวชายแดน ชี้เข้าใจสถานการณ์
วันนี้ (24 ก.ค.) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ระบุว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไทยพยายามเชิญกัมพูชาพูดคุยแบบทวิภาคีเพื่อแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยในกระบวนการที่มีอยู่ สิ่งที่รัฐบาลไทยยื่นให้เสมอคือ ทั้งสองฝ่ายต้องเคลื่อนย้ายกำลังออกจากบริเวณพื้นที่ชายแดน เพราะถ้ายังอยู่อาจมีเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันได้ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทหารกัมพูชาไม่มีวินัยและยั่วยุ แต่ฝ่ายผู้บังคับบัญชาบอกว่ายึดแนวทางสันติ
เพราะฉะนั้นตนมองได้สองอย่าง ถ้าผู้บังคับบัญชาจริงใจ ไม่ดำเนินการสอบสวนความจริง หรืออีกอย่างหนึ่งคือรัฐบาลไม่จริงใจ จากเหตุการณ์เมื่อวาน (ทหารไทยเหยียบกับระเบิด เมื่อวันที่ 23 ก.ค.) ได้หารือกับกองทัพ ตกลงใจว่ามอบอำนาจให้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในการอำนวยการต่อไป เพราะเป็นไปตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม มาตรา 39 ซึ่งเมื่อวานนี้หลังจากที่หารือกันแล้ว ทาง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ขออนุญาตวางลวดหนามในพื้นที่ที่ทหารกัมพูชามักล่วงล้ำเข้ามา จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้นอกจากทหารกัมพูชาเข้ามาแล้วก็ยังมาประสงค์ร้ายกับฝ่ายไทยด้วย ส่วนเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าขณะนี้กำลังปฎิบัติการอยู่ ผมก็ไม่อยากจะไปซักถามเขามาก รอให้รายงานในรายละเอียด เมื่อเวลา 08.20 น. ทางฝ่ายไทยได้ไปวางลวดหนาม ฝ่ายกัมพูชาก็ยิงกลับมา
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะมีมาตรการอะไรออกมา เช่น ประกาศภาวะสงครามหรือประกาศภาวะฉุกเฉิน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี เพราะกองบัญชาการกองทัพไทยสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย วันนี้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกับผู้บัญชาการเหล่าทัพก็จะหารือกันในตอนเช้านี้ ตอนนี้ตนก็จะไม่พูดแล้ว ลดการพูดลงเพราะเข้าสู่เวอร์ชันใหม่แล้ว ส่วนแผนปฎิบัติการจักรพงษ์ภูวนารถ ยังไม่ทำ เพราะกองทัพบกแจ้งไว้เมื่อวานนี้ว่า "เมื่อสั่ง" และแผนนี้ต้องมาพูดคุยกันก่อนด้วย แต่วันนี้ ผบ.สส. จะเชิญ ผบ.เหล่าทัพมาหารือ
"พี่น้องประชาชนไทยทั้งประเทศขอให้มั่นใจว่ากองทัพไทยจะปกป้องอธิปไตยไม่ให้ใครมาล่วงล้ำดินแดนของเราได้เป็นอันขาด กราบขออภัยและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากการปฎิบัติครั้งนี้ เพราะว่ากองทัพไทยอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุดแล้ว ต่อไปจะไม่อดทนแล้ว เพราะว่ามันเป็นการปฎิบัติของทหารกัมพูชาที่เรารับไม่ได้ ฝากพี่น้องประชาชนให้กำลังใจกำลังพลที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2" พล.อ.ณัฐพล กล่าว
พล.อ.ณัฐพล ยังได้ฝากขอความร่วมมือสื่อมวลชนว่า ในขณะที่ทหารปฎิบัติการพยายามไม่ไปซักถาม เพราะเหมือนหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาทางฝ่ายกัมพูชาจะทราบหมด เพราะสื่อมวลชนได้ถ่ายทอดภาพสถานการณ์ฝ่ายไทยออกไป โดยที่ไทยไม่ทราบฝ่ายกัมพูชา ตนเข้าใจสื่อมวลชนตลอดว่าก็ต้องพยายามหาข่าวให้กับประชาชนที่อยู่ข้างหลัง ที่ยังอยากให้กำลังใจทหารได้รับทราบ แต่ขณะเดียวกันอยากให้ระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย ตนมั่นใจในดุลพินิจของสื่อมวลชนทุกคนเข้าใจว่าแค่ไหนคือจุดที่เหมาะสม ผมไม่ได้ห้ามแต่ให้ใช้ดุลพินิจว่าข้อมูล (เปิดเผยได้) ขนาดไหน ขนาดตนปัจจุบันรายงานมาก็รับทราบเอาไว้ ทราบว่าอยู่ในสถานการณ์ก็จะไม่ซักถามว่าแล้วผลเป็นอย่างไร รอให้เหตุการณ์คลี่คลายลงสักเล็กน้อยก็จะซักถามต่อไป
เมื่อถามว่า สถานการณ์ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ด้านจังหวัดสระแก้วเป็นอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขณะนี้คงปิดด่านชายแดนทั้งหมดแล้ว จะเข้าหารือในที่ประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดน ไทย - กัมพูชา (ศก.ทก.) ซึ่งว่าตามกองทัพ เพื่อให้กองทัพมีความชอบธรรมในการปฎิบัติ ความจริงได้ให้อำนาจกองทัพไปแล้ว เพียงแต่ ศก.ทก. เข้ามารับทราบและเห็นชอบ และในช่วงบ่ายวันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ก็จะประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งในการปฎิบัติ เราได้มอบให้กับทางกองทัพไทยไปแล้วตามกฎหมาย เพียงแต่ว่ากระบวนการที่จะตามมาก็คือ กระบวนการเพื่อรองรับความชอบธรรมให้กับกองทัพไทยในการปฎิบัติ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในยุคปัจจุบัน ปฎิบัติอะไรก็ต้องตามกฎหมายเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนเป็นอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้เตรียมการก่อนหน้านี้ เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหา และจากที่สื่อมวลชนให้สัมภาษณ์พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน ตนดีใจว่าในยามสถานการณ์เป็นแบบนี้ พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนเข้าใจสถานการณ์และยินดีให้ความร่วมมือ ในวันนี้บทบาทของ ศก.ทก. เป็นบทบาทสนับสนุนให้กับกองทัพไทยในการปฎิบัติการ ตนให้ความสำคัญกับทางกองทัพมากกว่า การประชุมที่นี่ก็จะให้รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติดูต่อไป
เมื่อถามว่า ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอมรับผิด จะยื่นเรื่องต่อสหประชาชาติหรือประเทศต่างๆ ให้ได้รับรู้ในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า แล้วคิดว่าที่ผ่านมาเขาเคยยอมรับผิดเรื่องไหนบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ผมได้เห็นถึงความไม่จริงใจ แต่ขณะเดียวกันที่ผมเคยพูดเสมอว่า เราจะไปทำแบบนั้นก็ไม่ได้ จะกลายเป็นศีลเสมอกัน แล้วเวลามีปัญหาจะต้องมาพิจารณา มาสอบสวน มาตรวจสอบ มาไต่สวน กลายเป็นว่าเราก็เป็นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราต้องยึดมั่นในคำพูด อะไรที่ใช่ที่ถูก อะไรที่ไม่ใช่ไม่ถูก เราก็เป็นไปตามนั้น เราจะไม่ทำศีลเสมอกันกับเขา
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่บานปลายไปมากกว่านี้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เราพยายามจะไม่ให้บานปลาย แต่ถ้าเขา (กัมพูชา) ล่วงล้ำอธิปไตย เราก็ยอมไม่ได้ ขอให้สื่อมวลชนทุกท่านได้ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนด้วย เรายึดถืออธิปไตย ยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นอันดับแรก เราจะพยายามไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย แต่ถ้าเขาล่วงล้ำ เขาละเมิด มันก็คงไม่สามารถที่จะหยุดได้ ก็คงต้องว่าไปตามกระบวนการ ซึ่งอันนี้เราก็มีกฎของเราอยู่แล้ว มีกฎหมาย กฎการใช้กำลัง ซึ่งได้กำหนดเอาไว้แล้ว ทั้งเหล่าทัพก็รับทราบเรื่องนี้ดี
เมื่อถามว่า การกันบริเวณต่างๆ ต้องมีการขออนุญาตกับทางรัฐบาลอย่างเป็นทางการหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ต้อง เพราะเป็นไปตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมี ผบ.สส. เป็นประธาน หลังจากวันนี้ไปขออนุญาตไม่พูด เพราะเป็นเวอร์ชันปฎิบัติการแล้ว จะมาพูดมากเหมือนเก่าไม่ได้แล้ว พยายามพูดวันนี้ให้เข้าใจ เพื่อเป็นการส่งผ่านสถานการณ์ไป ต้องขอความเห็นใจสื่อมวลชนด้วย
เมื่อถามว่าหลังการประชุมจะมีการแถลงข่าวหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ทราบ ตอนนี้พอเข้าสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก็เป็นอำนาจของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวตนก็ไม่มีการให้ข่าวอะไรแล้ว ถ้าเป็นการให้ข่าวสภาความมั่นคงแห่งชาติจะรับผิดชอบโดยตรง ให้สอบถามนายภูมิธรรม หรือการปฎิบัติให้สอบถาม ผบ.สส. แต่ก็คงให้ข่าวได้ไม่มาก เพราะถึงขั้นปฎิบัติการเราจะพูดมากไม่ได้ ของผมเองวันนี้ก็พอแค่นี้ ขออนุญาตที่จะไม่ให้ข่าว ขอให้อดทนนิดนึง เหมือนที่เคยเปรียบเทียบให้ฟังว่า แข่งกีฬาถ้าถามเราว่าจะใช้กลยุทธ์อะไรก็หมด ไม่มีโอกาสชนะ สื่อมวลชนต้องเข้าใจและฝากทำความเข้าใจกับประชาชน เข้าใจว่าอยากทราบเพราะเป็นห่วง จะทำกันยังไง หรือบางเรื่องก็พูดไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาที่พูดมากอยากให้สังคมเข้าใจและไม่เสียหายอะไรเพราะใช้แนวทางสันติ แต่ถึงขั้นนี้แล้วผมคงขอไม่ก้าวล่วง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกองทัพไทยเขาว่า ส่วนกระทรวงกลาโหมสนับสนุนอย่างเต็มขีดความสามารถ