ศาลทหารชั้นฎีกาตัดสินจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท ตำรวจยศ ร.ต.ท.นายหนึ่ง คดีทำร้ายร่างกายน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปี 1 ถึงแก่ความตาย ขณะธำรงวินัยเมื่อปี 60 ศาลเห็นว่าจำคุกไปไม่มีประโยชน์ ปรับปรุงตัวรับใช้ชาติเป็นประโยชน์มากกว่า ด้านพ่อแม่คาใจ เตรียมร้อง ผบ.ตร. พิจารณาให้รับราชการต่อไปหรือไม่ ชี้ยังมีคดี สน.พญาไท กรณีผ่าชันสูตรศพครั้งแรกอวัยวะหาย ยังออกหมายจับหมอคนผ่าครั้งแรกไม่ได้
วันนี้ (22 ก.ค.) ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลทหารชั้นฎีกา พิพากษายืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำคุกข้าราชการตำรวจนายหนึ่ง ยศร้อยตำรวจโท ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคอีสาน เป็นเวลา 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่ศาลลดโทษให้เหลือ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ในความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ขณะเป็นรุ่นพี่นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 59 โรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก ที่ธำรงวินัย นตท.ภัคพงค์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 เพราะฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียน ส่วนที่โจทก์ คือ ครอบครัวตัญกาญจน์ ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า
นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาของนายภคพงศ์ ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษา ระบุว่า ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยรับโทษแต่ต้องรอลงอาญา เพราะศาลเห็นว่าจำเลยยังสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ และถ้าสั่งลงโทษจำเลย จะทำให้หลังพ้นโทษประกอบสัมมาอาชีพยาก จึงให้โอกาสรอลงอาญา 2 ปี ตนอยากจะบอกว่าในการรับโทษของเขาตนไม่ขัด แต่มีคำถามเล็กน้อยว่า ศาลเห็นว่าจำเลยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แล้วถ้าลูกตนมีชีวิตอยู่ เขาสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ไหม
"จำเลยยังไม่ให้ติดคุก เพราะจะยากต่อการประกอบสัมมาอาชีพ แต่ลูกพี่ไม่ได้มีโอกาสไง ... ทุกคนมีความคิดเห็นยังไง เพราะอย่างน้อยจำเลยถ้าเป็นบุคคลธรรมดา เป็นนักเรียนปกติธรรมดา เรายังพอเข้าใจได้ แต่นี่เป็นนักเรียนบังคับบัญชา เหมือนผู้ที่กำกฎหมายไว้ในมือ แต่ทำผิดซะเอง ต่อไปเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้มากขนาดไหน ลองเก็บไว้พิจารณาดู คุณแม่สู้มาขนาดนี้เพราะว่าจะมาแก้ข้อกล่าวหาที่เขาบอกว่าน้องผิดระบบเกียรติศักดิ์ พี่แก้ได้แล้ว สุดท้ายแล้วน้องเมยไม่ได้ผิดระบบเกียรติศักดิ์" นางสุกัลยา กล่าวทั้งน้ำตา
นางสุกัลยา กล่าวต่อว่า ผลการสอบสวนของกองทัพฯ ระบุว่าน้องเมยได้รับอนุญาตให้ใช้บันได แต่จำเลยไม่ฟังแล้วบอกว่าน้องเมยโกหก เรามีหลักฐาน ไม่ใช่ไม่มี เราไม่สามารถที่จะโกหกกับใครได้ ไม่เหมือนกับเขา อย่างนี้ถ้าถามว่าน้องเมยพูดความจริง ผิดระบบเกียรติศักดิ์ยังไง เขาโดนใส่ร้าย แต่ผิดระบบเกียรติศักดิ์ที่ว่าน้องโกหก จำเลยทำผิดเสียเอง กองทัพว่ายังไง ตนจะย้อนถามจริงๆ
นายพิเชษฐ์ ตัญกาญจน์ บิดาของนายภคพงศ์ กล่าวว่า จะเชื่อได้อย่างไรว่าเจ้าหน้าที่อย่างนี้ออกไปจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในลักษณะแบบนี้ เพราะเรื่องจริงมันเยอะกว่านี้ และว่า พฤติกรรมที่จำเลยโกหก ทางราชการจะเอาเจ้าหน้าที่ตำรวจในลักษณะแบบนี้ที่เข้าไปดูแลประชาชนต่อไป ผมคนหนึ่งที่จะไม่เชื่อถือ ยิ่งในระบบในลักษณะแบบนี้ บ้านเมืองลักษณะแบบนี้ ผมคนหนึ่งที่ไม่เชื่อ เรื่องนี้ 7 ปีที่ผ่านมาผมสู้มาตลอด เลยได้เห็นว่าในลักษณะของคนในสภาพแบบนี้จะทำดีได้เหรอ 2 ปีเขาจะทำได้เหรอ หรือว่าต่อไปเขาจะทำได้เหรอ ผู้ใหญ่ของเขา หน่วยงานของเขา จะเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ดี หรืออะไรก็ดี ถ้าคนที่มีคดีลักษณะแบบนี้ยังเป็นตำรวจได้ไหม ผมขอฝากถามไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย ผมเองก็ไม่ได้รู้อะไรมาก แต่เห็นคดีมาแบบนี้มันง่ายไป
เมื่อถามว่าหลังคำพิพากษาออกมา ฝ่ายจำเลยได้เข้ามาพูดคุยหรือไม่ นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่เคย ไม่มีเข้ามาขอโทษหรืออะไร ขณะที่นางสุกัลยา กล่าวว่า ดูได้อย่างหนึ่งก็คือ คนที่เดินเข้าศาลอย่างสง่าผ่าเผยคือเรา แต่จำเลยที่อ้างตัวว่าน้องเมยทำผิด กลับเดินก้มหน้าแล้วแอบ ให้ทุกคนคิดเอาว่าถ้าเขาไม่ผิด เขาจะต้องอายทำไม ทำไมเขาไม่ยืดอกรับ เมื่อถามถึงผลการสอบสวนของกองทัพ อีกฝ่ายได้โต้แย้งหรือไม่ นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า เราไม่สามารถที่จะถามได้เลยกับผู้พิพากษา ที่ศาลยังบอกว่าถ้าผู้พิพากษา ศาลไม่ถามไม่ต้องตอบ ถามว่ามีคุยกันบ้างไหม นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย ลักษณะเหมือนจำเลยไม่กล้าเจอหน้า มาปุ๊บๆ ก็ไป
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาคดีแรก ที่จำเลยทำร้ายร่างกาย นตท.ภคพงค์ ส่วนคดีต่อไปเป็นผลพวงหลังจากนี้อีก แต่ยังไปไหนไม่ได้เลย เช่น คดีที่นางสุกัญญาไปแจ้งความที่ สน.พญาไท เพราะการผ่าชันสูตรครั้งแรกของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถึงปัจจุบันนี้ร้อยเวร สน.พญาไทแจ้งกลับตนว่า มีหนังสือไปเรียก 2 ครั้งแล้วแพทย์ไม่มา ถามว่าทำไมไม่ออกหมายจับ เขาไม่มาใช่ไหม แล้วเขาไม่มาทางตำรวจทำอะไรไม่ได้ก็เฉย มันถึงเป็นตัวอย่างที่ว่าตำรวจดีและตำรวจไม่ดี ก็เลยไม่รู้ว่าตรงไหนดี ตรงไหนไม่ดี ป่านนี้ 4 ปีแล้ว คนผ่าเป็นทหารยศพันตรีตอนนั้นที่ผ่าก็ไม่มา แล้วผมไม่มีอำนาจที่จะไปตามเขา ไม่รู้จะทำอะไรเขา ทุกวันนี้ตนก็ยังตามอยู่พร้อมทนายความ ส่วนคดีที่เหลือเขาปัดหมด
นางสุกัญญา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เป็นเรื่องเศร้า ตนไม่เคยพูด อยากให้ทุกคนรู้ด้วย วันนี้ขอพูดหน่อย ทุกคนมีลูกเหมือนกันหมด คนที่มีลูกแล้วจะเข้าใจ ตนไปขอให้ตำรวจทำคดี ทำสำนวน รู้ไหม สารวัตรอยูที่ สภ.บ้านนา จ.นครนายก ชื่อ กสินธุ์ เขาพูดว่า คุณรู้ไหม คดีลูกคุณเนี่ย มันเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ เราก็แบบเจ็บแล้วยิ่งเจ็บเข้าไปใหญ่ และเจ็บลึก ส่วน สภ.เมืองนครนายก ผลการชันสูตรออกมาเรียกเราไปดูทั้งหมด ทั้งผลดีเอ็นเอ รับเราไปหาแพทย์ด้วยกัน รู้การตายหมดว่าเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายในท้ายสำนวนกลับพลิก ตำรวจเจ้าของสำนวนเขาพูดกับตนว่า คุณแม่เข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก ผมยังไม่อยากตาย
มันทำให้พอผ่านมาหลายปี มันเหมือนรู้สึกว่าเราไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือครอบครัวคนอื่นเดือดร้อน ใครที่เข้ามาคุยกับครอบครัวเราจะโดนแบนทั้งหมด และจะมีโทรศัพท์ขู่กันตลอด คนที่อยากให้การเขามาไม่ได้ คำเดียว มึงอย่ายุ่ง แล้วคิดว่าตนจะไปหาพยานหลักฐานตรงไหน ใครจะมาเป็นพยานให้ ตนไม่มี ตนเดินสู้มา ทุกคนบอกว่าสู้ไปก็แพ้ สู้ไปก็ไม่ได้ ตนไม่ต้องการให้ใครแพ้ใครชนะ แต่ต้องการสู้เพื่อให้สังคมรู้ความจริงมากกว่า
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า มีอีกเรื่องที่อยากฝาก คือ ผลของการแจ้งความที่ สน.พญาไท ตนติดใจเรื่องนี้ ตำรวจไม่กล้าออกหมายจับทหาร นางสุกัญญา กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าเขาให้รออะไร เพราะตอนนี้ตนบอกให้ทนายความไปสอบเพิ่ม ทนายกล่าวว่าเขาก็ให้สอบ ผลจากแพทยสภามาถึงแล้ว จบแล้ว ตอนแรกตำรวจบอกว่าจะไม่ฟ้องด้วยซ้ำไป เพราะตนร้องเรื่องทำให้อวัยวะเสียหาย อวัยวะหาย และทำลายอวัยวะ เขาก็ทำหนังสือไปหาแพทยสภาทั้งหมด แพทยสภาเห็นว่าไม่มีพิรุธอะไร แต่ตนมีคำถามว่า ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าบอกว่าไม่ทำลายยังไง ตนไม่เข้าใจ เพราะหนังสือที่แพทย์ตรวจระบุว่า สารพันธุกรรมน้อยจนไม่สามารถตรวจได้ มีอวัยวะบางอย่างไม่มีสารพันธุกรรมเลย จึงตั้งคำถามว่าเป็นไปได้ยังไง เกิดความผิดพลาดยังไง และอวัยวะใช่ของลูกตนหรือเปล่า ตนให้ทนายความติดต่อร้อยเวรเจ้าของคดี ให้ไปตามแพทย์ที่ผ่าชันสูตรครั้งที่ 2 มาให้ปากคำ
ถามว่า คู่กรณีมีแค่หนึ่งคนหรือไม่ นางสุกัญญากล่าวว่า คดีนี้มีแค่ 1 คน ส่วนคนอื่นๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ทหารดูแลเป็นผู้พันคุมกองพัน พัน 2 อันนี้เป็นคดีทำร้ายร่างกายมีคนเดียว นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า คนอื่นจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวเราไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุก็พูดลำบาก คุยกันไปต่างๆ นานา แล้วกล้องในโรงเรียนเตรียมทหารก็เสีย พอมีเรื่องกล้องของทางราชการก็เสียเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนี้จะไปที่ สน.พญาไท ส่วนจำเลยรับราชการเป็นตำรวจ เป็นผู้ต้องหาคดีอาญาแล้วต้องออกจากราชการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตนก้าวล่วงไม่ได้ ตนรู้สึกว่าจบแบบงงๆ ว่าการรับราชการของจำเลยตอนนี้เป็นยังไง ตนต้องสอบถามตามลำดับขั้นตอนต่อไป เพราะวันนี้เขาได้รับโทษรอลงอาญาแล้ว
เมื่อถามว่า ผลออกมาแบบนี้รู้สึกอย่างไร นางสุกัญญา กล่าวว่า ศาลมีความเห็นว่านักเรียนบังคับบัญชาคนนี้ไม่เคยได้ต้องโทษ และให้ทำคุณประโยชน์ ตนถามว่าแล้วลูกพี่ทำคุณประโยชน์ไม่ได้เหรอ ถึงตอนนี้น้องเมยจบการศึกษาแล้ว นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ถึงตอนนี้น้องเมยทำคุณประโยชน์ได้มากกว่านี้ ตนไม่รู้ว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่มีประโยชน์ คนที่เสียไปแล้วมีประโยชน์ไหม ฟังดูแล้วไม่สมกับที่รอ 7-8 ปีจนถึงวันนี้ จะลองดูว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะทำอย่างไรกับนายตำรวจคนนี้ต่อไป ฝากถึงตำรวจ สน.พญาไท เรื่องการผ่าชันสูตรครั้งแรก นายทหารที่ผ่ารอบแรก เรื่องอวัยวะที่หายหรือถูกทำลาย เผาไปแล้วจบเลย
เมื่อถามว่า การต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวกับความเป็นรัฐ มองเห็นอะไรบ้าง นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า มองเห็นได้มาก แต่ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันก็พูดลำบาก นางสุกัญญา กล่าวว่า ถึงแม้จะมีหลักฐานอะไรอยู่ในมือเราถูกบล็อก (สกัด) หมดตั้งแต่ต้นทาง ทำให้ไม่สามารถเดินต่อ และระเบียบของรัฐ ผ่านไปปีกว่าถึงได้คำสอบสวนของทางกองทัพ ปีกว่าที่ไม่สามารถนำหลักฐานมาคานข้อกล่าวหาว่าน้องเมยโกหก แต่ได้หลักฐานหลังจากนั้นแล้ว ไม่สามารถยื่นเข้าไปได้ เหมือนเราเสียโอกาส
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า เราเป็นชาวบ้าน ส่วนราชการจะดึงเราออกไปทางอื่นหมด พูดไปทางอื่นหมด เอกสารบางอย่างเบลอไม่ให้เห็น หลายอย่างถ้าคนที่ไปที่เกิดเหตุตามเรื่องก็ได้เห็น อย่างกล้องเสีย อีกเคสหนึ่งปั๊มลูกโชว์ ทั้งที่แรกรับเข้าโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) บอกว่าไม่มีชีพจร เริ่มต้นก็โกหกแล้ว ไปให้ร้ายน้องเมยว่าอ่อนแออย่างโน้นอย่างนี้ รุมให้ร้ายลูกผม ผมถึงโกรธ ถ้าหาความถูกต้อง นำคนผิดมาลงโทษ หรือเอาความถูกต้องมาว่ากัน ใครผิดก็ว่าไป ไม่หรอก โยนมาที่คนตาย คนตายอ่อนแอ อ่อนแอเหรอจะเข้าไป จปร. ได้ง่ายๆ คะแนนพละศึกษา 944 คะแนน จาก 1,000 คะแนน อ่อนแอเหรอ ดึงข้อก็เต็มแล้ว 100 คะแนนเต็ม ว่ายน้ำก็เป็นที่หนึ่ง ทั้งที่บาดเจ็บที่ขา มีวิ่งเก็บของกับลุกนั่งที่คะแนนไม่เต็ม วิ่งขนาดขาเจ็บยังประคองมาได้ ผมเห็นแล้วมันสุดจริงๆ แต่หน่วยงานต่างๆ พยายามดึงให้ลูกเป็นคนไม่ดีให้ได้ ตนมีหลักฐานหมด
นางสุกัญญากล่าวว่า โทรศัพท์คุยกับพี่สาว เป็นห่วงว่าผลของคดีเป็นอย่างไร เมื่อทราบว่าผลออกมาเหมือนเดิม คนดีและมีเกียรติ มีกฎหมายในมือ ทำผิดเสียเอง โกหกเอง ผิดเอง ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ เขาก็ขำๆ นิดนึง และบอกว่า น้องเราล่ะ ไม่มีโอกาสเลยนะแม่ ตนก็บอกว่าใช่ เหมือนอย่างที่แม่บอก และพี่สาวพยายามให้ข้อมูลมาหักล้างเรื่องธำรงวินัย อ้างว่าน้องเมยโกหก ตนมีหนังสือในกองทัพจะส่งให้แม่ ในคำสอบสวนของกองทัพเองให้ดูว่าตกลงแล้วใครโกหก แม่บอกประชาชนว่าลูกไม่ได้โกหก นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า แล้วอย่างนี้เราจะรื้อคดีได้ไหม เลยมาแล้ว ตนบอกว่าอยู่เมืองไทยต้องทำใจนะ ชาวบ้านเดินตามอย่างเดียว
นายพิเชษฐ์และนางสุกัญญา กล่าวขอบคุณประชาชนที่ตามข่าว ทั้งคนรู้จักและไม่รู้จัก เวลาไปไหนไม่รู้จักหน้าตา จะทักทายตลอด ตนเป็นคนตัวเล็กๆ ไม่ได้เป็นดารา แต่เขาสนใจ เห็นใจ รักเราและลูกเรา แม้เขายังไม่เคยได้สัมผัสเลยด้วยซ้ำ แต่ได้รู้เรื่องราวของเด็กคนหนึ่งจากปากเรา เหมือนเราได้รับรู้เรื่องราวดีๆ จากลูกเรา และทุกคนให้กำลังใจ อยากจะบอกทุกคนว่า ขอบคุณมาก แค่อ่านคอมเมนต์ตนร้องไห้ แม้ว่าคดีลูกจะเป็นอย่างไร แต่แสงสว่างจากหัวใจของประชาชนมาถึงตน ส่วนนายตำรวจที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการอยู่ที่จังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ฝากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจสอบว่าถ้าโดนคดีลักษณะแบบนี้สมควรเป็นตำรวจอีกไหม ตนจะให้ทนายความหรือทีมงานสอบถาม เพราะจะเทียบกับคดีที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร ตนก็เป็นคนหนึ่งที่สูญเสียลูกชาย ขอบคุณมากที่ไม่ลืมกัน