xs
xsm
sm
md
lg

ศบ.ทก.ย้ำพร้อมตอบโต้กัมพูชา หากพบกับระเบิดช่องบกถูกนำมาวางใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



โฆษก ศบ.ทก.ย้ำชัดหากพบทุ่นระเบิดวางขึ้นมาใหม่ที่ช่องบก ไทยจะตอบโต้อย่างชัดเจน ชี้พลทหารทั้ง 3 คน กำลังใจดีเยี่ยม ปูนบำเหน็จพลทหารขาขาดรายเดือนเกือบ 30,000 บาท เงินองค์กรราชการสนับสนุนอีกกว่า 1 ล้านบาทเศษ พร้อมคลอด 3 มาตรการดูแลนักท่องเที่ยวปราสาทตาเมือนธม ส่งชุดประสานงานไทย-กัมพูชา ฝ่ายละ 7 คน ดูแลนักท่องเที่ยว

วันนี้(18 ก.ค.) พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 โดยพลทหารไทย ทั้ง 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ว่า พลทหารทั้ง 3 นาย มีอาการดีขึ้น และมีขวัญกำลังใจดีเยี่ยม ซึ่งทั้ง 3 นาย ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งการรักษาเป็นไปตามมาตรฐานและทันท่วงที ทำให้ทั้ง 3 นาย อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้ว โดยเฉพาะพลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่า ซึ่งกองทัพภาคที่สอง ได้มีมาตรการในการช่วยเหลือและมีสวัสดิการให้กับกำลังพลอย่างเต็มที่ โดยการปูนบำเหน็จและเลื่อนชั้นยศเป็นสิบเอก และได้บำเหน็จ 15,600 บาท เมื่อรวมเงินเดือน และเงินสนับสนุนจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆแล้ว คาดว่า จะได้รับเงินถึง 29,800 ต่อเดือน นอกจากนี้ยังได้รับเงินก้อนจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ประมาณกว่า 1 ล้านบาท

ทั้งนี้ หน่วยงานราชการเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ที่กำลังพลได้เสียสละ จึงได้บรรจุทายาททดแทน ซึ่งเป็นบุตรของพี่สาวพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บประสงค์รับราชการ ซึ่งพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ รวมถึงจะได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 2 ประเภท 1 พร้อมกับได้บัตรทหารผ่านศึก ชั้นที่ 3 ซึ่งจะได้รับการช่วยเหลือ ลดค่าน้ำค่าไฟ ค่าเดินทางตลอดชีวิตของกำลังพล

พลเรือตรี สุรสันต์ กล่าวถึง รายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิด ว่าปัจจุบันกองทัพบก ได้ส่งหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม หรือ นปท. เข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุแล้ว เพื่อเก็บหลักฐานและนำมาวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ได้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชัดเจนในเรื่องของชนิด และห้วงเวลาในการวางทุ่นระเบิด ว่าเป็นการวางระเบิดขึ้นมาใหม่หรือเป็นของเดิม ซึ่งจะมีการตรวจสอบ หากพบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ จะเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้และเก็บสะสมทุ่นระเบิด ทั้งไทยและกัมพูชา ถือเป็นประเทศภาคีอยู่ในอนุสัญญาดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2542 พร้อมกันนี้ขอเน้นย้ำว่าทางรัฐบาลไทย หากตรวจพบว่าเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ ฝ่ายไทยจะไม่เพิกเฉย นอกจากนั้นหากพบว่ามีการรุกล้ำอธิปไตยของไทย ทางไทยก็จะดำเนินการและตอบโต้อย่างชัดเจนแน่นอน และย้ำว่าอย่าให้ประชาชนทุกคนเชื่อมั่นว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ ในเรื่องสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น และฝ่ายไทยจะยึดมั่นในการใช้ข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นหลักการที่ยึดมั่นมาโดยตลอดเป็นไปตามหลักสากล โดยข้อมูลต่างๆ จะนำไปสู่การปฏิบัติของฝ่ายไทยต่อไป


ส่วนกรณีหญิงชาวกัมพูชา ตะโกนใส่ทหารของไทยที่ปราสามตาเมือนธม ซึ่งฝ่ายไทยและกัมพูชาได้มีการหารือร่วมกัน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม เพื่อร่วมกำหนดมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นมาอีก โดยทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปว่า หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น หากเป็นนักท่องเที่ยวฝ่ายไทย ขอให้ชุดประสานปราสามของฝ่ายไทยเป็นผู้ดำเนินการ แต่หากเป็นก่อเหตุโดยนักท่องเที่ยวของกัมพูชา ชุดประสานปราสาทกัมพูชาจะเป็นผู้ดำเนินการ แต่ทั้งนี้หากเกิดปัญหาในพื้นที่ การแก้แก้ไขปัญหาจะให้ชุดประสานงานปราสาทในพื้นที่ที่อยู่บนปราสาท ฝ่ายละ 7 คน เป็นผู้ดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยไม่ต้องเรียกกำลังชุดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ยังให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายก่อนขึ้นมาท่องเที่ยว โดยเชื่อว่าข้อตกลงทั้งหมดจะสามารถแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบนปราสาทได้ พอจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อีก

พลเรือตรีสุรสันต์ ยังกล่าวถึงมาตรการควบคุมเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดน ยินยันว่ายังดำเนินมาตรการเช่นเดิมตั้งแต่แรก
กำลังโหลดความคิดเห็น