กาญจนบุรี - นายอำเภอทองผาภูมินำทีมสนธิกำลังฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ตชด. ปฏิบัติการ "SEAL STOP SAVE" สกัดจับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว รวบได้ 48 รายกลางสวนยางพารา ยึดรถยนต์ 3 คัน ส่วนคนขับอาศัยความมืดหลบหนีไปได้
กลางดึกวานนี้ (17 ก.ค.) นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พร้อมด้วยนายกฤษฎา มูลสวัสดิ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวจำนวนมากเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย จึงรายงานไปยังนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งได้สั่งการให้ปฏิบัติการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยอย่างเข้มงวด
จากนั้น นายอำเภอทองผาภูมิได้นำกำลังสมาชิก อส. อ.ทองผาภูมิ ที่ 9 ร่วมกับทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์, ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ และ ตชด.135 สนธิกำลังลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนเพื่อสกัดจับ พบรถยนต์ต้องสงสัย 3 คันจอดเรียงกันในสวนยางพารา หมู่ 2 บ้านเกริงกระเวีย ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ ท่ามกลางความมืด เจ้าหน้าที่จึงเชื่อว่าเป็นขบวนการขนแรงงานผิดกฎหมาย ทำการปิดล้อมและพบแรงงานจำนวนมากอยู่ในรถทั้ง 3 คัน เมื่อแสดงตัวเข้าจับกุม คนขับรถทั้ง 3 คันได้เปิดประตูหลบหนีเข้าป่าในความมืด เจ้าหน้าที่ติดตามแต่ไม่ทัน
จากการตรวจสอบรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ษน 3774 กรุงเทพมหานคร, รถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 6กง 1886 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ 7 ที่นั่งอีซูซุ สีดำ ทะเบียน 1ขฎ 1027 กรุงเทพมหานคร พบแรงงานชาวเมียนมาอัดแน่นรวม 48 ราย (ชาย 38, หญิง 10) ตรวจค้นสัมภาระพบเพียงเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แรงงานทั้งหมดไม่มีเอกสารอนุญาตเข้าประเทศและไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพร้อมรถยนต์ของกลางมาสอบสวนที่ สภ.ทองผาภูมิ
จากการสอบสวนผ่านล่าม แรงงานให้การว่าไม่ใช่ทหารหนีทัพ แต่เป็นแรงงานชาวเมียนมาที่ลักลอบเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ อ.สังขละบุรี โดยมีผู้นำพาชาวเมียนมาเดินลัดเลาะป่าหลีกเลี่ยงด่านตรวจ ก่อนลงเรือที่ท่าน้ำหินสามกอง แม่น้ำซองกาเลีย แล้วมีรถยนต์มารับไปส่งที่จุดพักคอยในสวนยางพารา ต.ชะแล เพื่อรอเดินทางต่อไปทำงานในพื้นที่ชั้นในของไทย โดยต้องจ่ายค่านายหน้าคนละ 18,000 บาท แต่ถูกจับกุมเสียก่อน ส่วนคนขับรถทั้ง 3 คันเห็นเจ้าหน้าที่จึงหลบหนีไปได้
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” แก่แรงงานทั้งหมด พร้อมตรวจสอบหาผู้ครอบครองรถยนต์ของกลางเพื่อนำตัวมาสอบสวน หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป