บิ๊กเต่าเดือด! ซัด พศ.ซุกปัญหาพระ ฉะอืดอาดไม่จริงใจ จับมือ ปปท.เช็คบิลผ้าเหลืองทั่วประเทศ สีกากอล์ฟแฉแชทไลน์พระดัง ส่อสัมพันธ์ชู้สาว ตร.ตั้งศูนย์สอบวินัยสงฆ์ ผอ.พศ.แจงทำงานเต็มที่ รอหลักฐานตำรวจ
ชั่วโมงนี้ถือเป็นเวลาสำคัญของพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ภายหลังนำกำลังตำรวจ บก.ปปป.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปท.เข้าตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ของพระผู้ใหญ่ในวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกรณีที่มีพระผู้ใหญ่หลายรูปมีส่วนพัวพันกับ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ หรือสีกากอล์ฟ โดยมีพระที่ยอมลาสิกขาไปแล้ว 9 รูป แต่บางรายยังไม่ยอมลาสิกขา
ทั้งนี้ มีรายงานว่าพระเทพปวรเมธี หรือเจ้าคุณประสิทธิ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ได้เข้าพบเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ได้นำเอกสารมาชี้แจงข้อเท็จจริง ว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสีกากอล์ฟ แต่อย่างใด และยังไม่ยอมลาสิกขา เพื่อขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่จากการพิจารณาหลักฐานของเจ้าหน้าที่พบว่าข้อมูลในโทรศัพท์เคลื่อนที่ของสีกากอล์ฟ ขัดแย้งกับคำชี้แจงของเจ้าคุณประสิทธ์ โดยเฉพาะแชตข้อความสนทนาผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ ระหว่าง เจ้าคุณประสิทธิ์ กับสีกากอล์ฟ ที่ส่งถึงกัน ซึ่งบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่าการจัดตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมพระธรรมวินัย จะมีลักษณะเป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดวินัยสงฆ์ การทุจริตของสงฆ์ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการธำรงไว้ซึ่งพระธรรมวินัย โดยจะทำงานร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อย่างไรก็ตาม โดยยอมรับว่าที่ผ่านมาการทำงานร่วมกับสำนักพุทธฯ มักจะไม่ราบรื่น ล่าช้า เนื่องจากสำนักพุทธฯ มีแนวโน้มที่อาจจะปกปิดปัญหา ขาดความเข้มงวดกวดขัน จึงทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจำเป็นต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง
"ในส่วนของข้อมูลที่ตำรวจส่งให้สำนักพุทธฯ เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ มักจะไม่ได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง ทำให้ตำรวจมองว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำงานร่วมกันได้ หากปราศจากความจริงใจในการทำงาน โดยเชื่อว่าการเข้ามาของตำรวจและหน่วยงานภายนอกจะสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำ
ด้าน นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ชี้แจงถึงแนวทางการทำงานที่ผ่านมาว่า ยืนยันว่าการทำงานของพศ.ได้ทำตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ซึ่งเรื่องพยานหลักฐานต้องรอทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ พศ.ก็จะดำเนินการประสานกับมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อดำเนินการต่อ โดยเป็นการทำงานตามหน้าที่ ไม่ได้ใช้ความรู้สึกในการตัดสิน ขณะนี้ก็กำลังดำเนินการแก้ไขกฎหมาย และยืนยันว่าจะทำงานเต็มที่ เพราะยอมรับว่าขณะนี้เกิดวิกฤต ขณะเดียวกัน พระสงฆ์ต้องร่วมมืออย่างเต็มที่กับ พศ.ด้วย