ชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่งในกรีนแลนด์ ต้องหายใจไม่ทั่วท้อง หลังภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาลูกหนึ่งล่องลอยเข้าใกล้ชายฝั่งและเฉียดใกล้บ้านเรือนอย่างเป็นอันตราย กระตุ้นให้ทางการต้องแจ้งเตือนประชาชน
รายงานข่าวระบุว่าเป็นเวลาหลายวันแล้วที่ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ล่องลอยอยู่บนเส้นทางที่จะเข้าชนเกาะชุมชนอินนาอาร์ซูต ทำให้พวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องแจ้งเตือนชาวบ้านให้อยู่ในความระแวดระวัง
มีความกังวลว่าภูเขาน้ำแข็งอาจไหลเข้ากระทบชายฝั่งหรืออาจแตกออก ซึ่งเป็นไปได้ว่ามันอาจก่อความเสียหายหรือได้รับบาดเจ็บตามมา จากคำกล่าวของพวกเจ้าหน้าที่
แม้ไม่มีความเป็นไปได้ที่ก้อนน้ำแข็งใดๆที่แตกออกมาจากภูเขาน้ำแข็ง จะร่วงหล่นใส่เกาะ แต่เศษน้ำแข็งเหล่านั้นอาจก่อคลื่นขนาดมหึมาถาโถมเข้าเล่นงานชายฝั่ง เหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวอาจก่อความเสียหายแก่สิ่งปลูกสร้างในทันที หรืออย่างเลวร้ายสุด มันอาจซัดเข้าเล่นงานพื้นที่ลุ่มต่ำ กวาดล้างสิ่งปลูกสร้างที่อ่อนแออยู่ก่อนแล้ว
ชุมชนอินนาอาร์ซูต ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ทางตะวันตกของเกาะกรีนแลนด์ และมีการประมงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้ตัวแทนรัฐบาลจึงออกคำเตือนอย่าได้เข้าใกล้ภูเขาน้ำแข็งมากเกินไป ตอนที่ล่องเรือเข้าและออกจากเกาะ หรือแม้กระทั่งตอนออกไปดำเนินกิจวัตรประจำวันบนเกาะ
โดยปกติแล้ว ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่มักเคลื่อนตัวออกไปภายในไม่กี่วัน แต่อ้างอิงข้อมูลจาก เดนิส เลห์โทเนน แรงงานท้องถิ่น เผยว่าภูเขาน้ำแข็งลูกล่าสุดนี้แน่นิ่งอยู่ใกล้ๆเกาะมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว ซึ่งมันเป็นบ่อเกิดแห่งความกังวล
"ด้วยเหตุ เจ้าหน้าที่เทศบาลท้องถิ่นจึงออกคำเตือนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับภูเขาน้ำแข็ง และเราปิดโรงานประมงท้องถิ่นชั่วคราว โรงงานที่ผมทำงานอยู่" เลห์โทเนนเผย
แม้ภูเขาน้ำแข็งลูกนี้มีขนาดใหญ่โตมาก แต่ไม่ใช่ชาวบ้านทุกคนที่จะใส่ใจกับการปรากฏตัวของของมัน "ผมถามชาวบ้านคนอื่นๆว่ารู้สึกอย่างไรกับภูเขาน้ำแข็งลูกนี้ บางคนบอกว่าพวกเขากังวล แต่มีหลายคนที่ออกแนวตื่นเต้น เหมือนกับผม" เขากล่าว
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่เคลื่อนข้ามาใกล้อ่าวอินนาอาร์ซูต ย้อนกลับไปในปี 2018 ภูเขาน้ำแข็งขนาดพอๆกันได้ลอยเข้าสู่อ่าวเดียวกัน และด้วยขนาด 11 ตัน มึนจึงสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ ในช่วงเวลาดังกล่าว พวกชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่เสี่ยงต่อการถูกกระทบ ได้รับคำสั่งให้อพยพขึ้นที่สูง
(ที่มา:ยาฮูนิวส์/นิวยอร์กโพสต์)