ครม.มีมติถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ตามข้อเสนอกระทรวงการคลัง เหตุเปลี่ยนรัฐมนตรีและมีประเด็นอ่อนไหวต่อสังคม จุลพันธ์โต้ภูมิใจไทยไม่เกี่ยวเสียงในสภาฯ ชี้แค่ถอยหนึ่งก้าวเพื่อรุกใหม่ในจังหวะเหมาะสม ย้ำต้องเริ่มขั้นตอนเสนอ ครม. ใหม่ทั้งหมด ยันเชื่อมั่นนโยบายสร้างโอกาสใหม่ให้ประเทศแม้ต้องรอเวลา
วันนี้ (8 ก.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เนื่องจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ประกอบกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาคสังคม
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้เสนอร่างดังกล่าว ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยกำหนดกลไกการดำเนินการผ่านระบบคณะกรรมการ 2 ระดับ คือ คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และคณะกรรมการบริหารสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการดังกล่าว กำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาต รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมและกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรให้มีมาตรฐานและเหมาะสม
ครม. มีมติวันที่ 13 มี.ค. 2568 อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้นำความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม. คณะที่ 5 รวมทั้งรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) พิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตรวจพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ตามข้อ 22 เสร็จแล้ว และได้แก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจนขึ้น และแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ และ ครม. มีมติวันที่ 27 มีนาคม 2568 เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.นี้ของกระทรวงการคลังที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งวิปรัฐบาลพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
จากนั้น ครม. ได้มีมติวันที่ 1 เม.ย. 2568 รับทราบการสรุปผลการประชุมวิปรัฐบาล วันที่ 31 มี.ค. 2568 ซึ่งให้เสนอร่าง พ.ร.บ. ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุในระเบียบวาระแล้ว แต่สุดท้ายเนื่องจากมีการปรับ ครม. และมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาคสังคม กระทรวงการคลังจึงเสนอถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว
ด้านนายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ตอบโต้ข้อกล่าวหาพรรคภูมิใจไทยที่ระบุว่า รัฐบาลไม่ได้ตั้งใจถอนร่างดังกล่าว ยืนยันว่า ไม่ได้ห่วงเรื่องเสียงในสภา ในวันนี้ได้มีการย้ำในที่ประชุมว่า ครม. ก็ต้องไปทำงานที่สภา เพราะเสียงไม่ได้เยอะเหมือนแต่ก่อน แต่การรัฐบาลนั้นก็ต้องมั่นใจว่า ว่ามีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการถอนหรือเลื่อน ล้วนต้องใช้เสียงข้างมากทั้งสิ้น ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่ามีบางพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วย จึงจำเป็นต้องถอนไปก่อน ยืนยันว่ายังไม่มีพรรคใดระบุว่าไม่เห็นด้วย แต่สาเหตุที่ถอนเพราะต้องการให้พิจารณาอีกครั้ง เพราะ ครม. เปลี่ยนหน้าเยอะจริงๆ
เมื่อถามว่าจะไม่ใช่การยกเลิกใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ย้ำว่าถอน ต้องใช้คำที่อยู่ในกฎหมาย เราต้องยอมรับความจริง องค์ประกอบของรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเหตุผลที่เหมาะสมที่จะดึงกลับมาให้ทุกคนได้พิจารณาอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็มีจังหวะเวลาในการทำความเข้าใจกับสังคมให้มากขึ้น เพราะเวลานี้อาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ส่วนเวลาที่จะเหมาะสมเมื่อเมื่อไหร่นั้น ตนเองก็ยังตอบไม่ได้ แต่สถานการณ์การเมืองในเวลานี้ ก็เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่เห็นว่าควรชะลอ และรอเวลาที่เหมาะสมก่อน
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยระบุว่า รัฐบาลกลัวเสียงในสภา เนื่องจากมีพรรคร่วมบางพรรคอาจจะไม่โหวตให้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนเองยังไม่ได้ได้ยินว่าจะมีพรรครัฐบาลพรรคใดไม่โหวตให้ ขณะนี้ยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ ดังนั้นความเชื่อมั่นในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นเรายังมีความเชื่อมั่น ส่วนจำนวนเสียงในสภา เราต้องมั่นใจว่าเกินกึ่งหนึ่ง ดังนั้นประเด็นนี้ไม่ใช่ประเด็นที่เราห่วงใย
เมื่อถามว่า เหตุใดการถอนร่างกฎหมายนี้ ต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ไม่สามารถถอนในรัฐสภาใช่หรือไม่ ขั้นตอนขั้นตอนตามกฎหมายเป็นอย่างไร นายจุลพันธ์กล่าวว่า การถอนครั้งนี้กระบวนการเป็นไปตามกฏหมาย เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวนี้เสนอผ่านคณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นบุคคลที่เสนอเรื่องเข้ามา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่จะเป็นกลไกตามปกติ หลังจากนี้ก็คาดว่าจะมีร่างกฎหมายเข้ามาอีกจำนวนมาก ที่เสนอโดยรัฐมนตรีที่ไม่ได้ ปฎิบัติหน้าที่แล้ว จึงถือว่าเป็นเหตุเป็นผลที่เหมาะสม เนื่องจากมีบางกระทรวงกำลังพิจารณาว่าบางฉบับอาจจะต้องให้รัฐมนตรีใหม่มาพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ถามว่า หากจะนำร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจรเข้าสู่ที่ประชุมสภา ต้องผ่านคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ถูกต้อง ต้องเริ่มต้นใหม่ เข้าสู่กระบวนการของคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
เมื่อถามว่า นโยบายดังกล่าวนี้เป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย แล้วเมื่อไรจะได้ทำ นายจุลพันธ์กล่าวว่า เราอยู่กับความเป็นจริง นาทีนี้อาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เรายอมรับและต้องยอมถอยหนึ่งก้าว เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ รัฐบาลก็จะมองถึงจังหวะเวลาที่มีความพร้อมและเหมาะสมต่อไป ไม่ได้เป็นประเด็นคอขาดบาดตาย แต่ส่วนตัวรู้สึกเสียดายความล่าช้า จะเป็นการสูญเสียโอกาสของประเทศ ตนเองมีความเชื่อมั่นว่าเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์จะเป็นนโยบายที่เกิดการขับเคลื่อนปรับเปลี่ยนโคตรสร้างของประเทศได้อย่างรูปธรรม มองว่าก็น่าเสียดาย ช้าแค่ไหนก็คือความสูญเสียของประเทศ เมื่อถามว่ามั่นใจ หากเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาจะผ่านได้ใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า เราเป็นรัฐบาลเราก็ต้องมั่นใจว่าเสียงเกินครึ่ง