อิสราเอลปิดข่าวกรณีขีปนาวุธของอิหร่านยิงโดนที่ตั้งทางทหารสำคัญๆหลายแห่งทั่วประเทศ ระหว่างที่ทั้ง 2 ชาติทำศึกสงครามกันเป็นเวลา 12 วัน เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ สื่อมวลชนอังกฤษเมื่อวันเสาร์(6ก.ค.) อ้างอิงข้อมูลจากเรดาร์
ข้อมูลที่ทางสำนักข่าวเทเลกราฟ ได้มาจากพวกนักวิจัยของมหาวิทยาลัยออริกอนสเตท แห่งสหรัฐฯ ซึ่งใช้เรดาร์ดาวเทียมติดตามความเสียหายจากการสู้รบ บ่งชี้ว่าขีปนาวุธของอิหร่าน 6 ลูก พุ่งโดนที่ตั้งทางทหาร 5 แห่ง ในทางภาคเหนือ ภาคใต้และตอนกลางของอิสราเอล ในนั้นรวมถึงฐานทัพอากาศหลัก, ศูนย์รวบรวมข่าวกรอง และฐานโลจิสติกส์ อย่างไรก็ตามรายงานข่าวระบุว่าในส่วนของขอบเขตความเสียหายนั้น ไม่เป็นที่แน่ชัด
เทเลกราฟระบุว่า อย่างไรก็ตาม กรณีถูกโจมตีเหล่านี้ไม่มีการรายงานต่อสาธารณะ สืบเนื่องจากการคัดกรองข่าวทางทหารอย่างเข้มข้น และครั้งที่ถูกสื่อกดดันในประเด็นนี้ ทางกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล ปฏิเสธแสดงความคิดเห็น โดยเพียงแต่บอกว่า "ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงสามารถปฏิบัติงานต่อไปได้"
รายงานของเทเลกราฟ อ้างอิงความเห็นของพวกนักวิเคราะห์ ที่บ่งชี้ว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลและสหรัฐฯโดยทั่วไปแล้วทำงานได้เป็นอย่างดี สกัดกระสุนได้เกือบทั้งหมดที่พุ่งเข้ามา แต่ขณะเดียวกันสัดส่วนที่ขีปนาวุธของอิหร่านสามารถเจาะทะลวงระบบป้องกันตนเองของอิสราเอล เพิ่มขึ้นแตะระดับราวๆ 16% ในวันที่ 7 สื่อมวลชนแห่งนี้ชี้ว่าบางทีมันอาจเกี่ยวข้องกับการที่อิสราเอลพยายามสำรองกระสุนเอาไว้ หรืออาจเป็นกรณีที่อิหร่านปรับปรุงกลยุทธ์ได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับการที่อิหร่านใช้อาวุธที่มีความล้ำสมัยขึ้นและยากต่อการสกัดกั้นกว่าเดิม
ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ครั้งที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศเล็งเป้าเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่ตั้งทางทหารและบรรดาผู้บัญชาการทหารระดับสูง กระตุ้นให้เตหะรานโจมตีแก้แค้น ทั้งนี้อิสราเอลรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 29 รายและบาดเจ็บ 3,200 คน ส่วน อิหร่าน คาดการณ์ว่ามีผู้เสียชีวิต 900 รายและบาดเจ็บ 4,700 คน
ในท้ายที่สุดแล้ว สหรัฐฯได้เข้าร่วมความขัดแย้ง ด้วยการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดหนักถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่าน และหลังจากบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างกล่าวอ้างชัยชนะ
ทั้งนี้ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น หลังจากอิหร่านปฏิเสธเสียงเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ขอให้ละทิ้งโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม ซึ่งทางวอชิงตันเชื่อว่าท้ายที่สุดจะเปิดทางให้เตหะรานสร้างอาวุธนิวเคลียร์ อย่างรไก็ตามอิหร่านปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีแผนสร้างอาวุธปรมาณู และยืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขา มีจุดประสงค์เพื่อสันติล้วนๆ
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)