วัดภูม่านฟ้าจบไปตั้งแต่ปี2564 งัดเรื่องเก่ามาประฌาม แถมที่เหมือนกว่า อย่างหนานนิงในจีนและเบลเยี่ยม เขมรเงียบกริบ ไม่ดูละครไทยแต่เคลมชุด-ยันต์“ขังใจเจ้า” เตือนพระสุจดู “ติอาโก”ฮีโรกุนขแมร์ไว้หลังหมดโปรโมชั่นตอนนี้ต้องกลับไปอยู่บราซิลปิดด่าน-ตัดเน็ต-ไฟฟ้า-น้ำมัน ใครเจ็บ? ปล่อยคลิปหวังให้แตกแยก
ท่าที่ชัดเจนของฝ่ายการเมืองต่อการตอบโต้การรุกรานของฝ่ายพ่อ-ลูกผู้นำจากกัมพูชา เกิดขึ้นหลังจากที่สมเด็จฮุนเซน ปล่อยคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับสมเด็จฮุนเซน เมื่อ 18 มิถุนายน 2568
นับตั้งแต่วันที่ปะทะ 28 พฤษภาคม 2568 เรื่อยมาสมเด็จฮุนเซนเปิดประเด็นต่าง ๆ มากมาย รัฐบาลไทยเลือกเดินตามหลังเกมของสมเด็จฮุนเซน ระบุเพียงยึดมั่นในหลักสันติวิธี
รวมไปถึงการตอบคำถามผู้สื่อข่าวของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยเมื่อ 4 มิถุนายน 2568 ว่า “ตระกูลชินวัตร สนิทกับ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ความสัมพันธ์ในระดับผู้นำ ไม่เถียงเลยว่าเป็นมิตรกัน ซึ่งตนเองคิดว่า ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่เราจะมีเพื่อน อย่างสื่อที่ยืนกันข้างๆ ก็เป็นเพื่อนกันหรือเปล่า ทุกคนมีเพื่อนได้ ถ้าวันหนึ่งเพื่อนทะเลาะกัน หรือไม่เข้าใจกัน เราปรับความเข้าใจกัน มันคงจะเป็นเรื่องง่าย”
สุดท้ายฝั่งกัมพูชาจึงปล่อยคลิปสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยและสมเด็จฮุนเซน ที่โทรศัพท์พูดคุยกันเมื่อ 15 มิถุนายน 2568 นำมาซึ่งการนัดชุมนุมในประเทศไทยเพื่อขับไล่แพทองธาร ชินวัตรในวันที่ 28 มิถุนายน 2568
พระไทยใจเขมร
ช่วงวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ยังเกิดกรณีของพระสุจ (พระมหานรินธร ปสนฺโน) อายุ 60 ปี อยู่ที่วัดป่าโคกคฤห์ ต.ป่าชัน อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ไลฟ์เป็นภาษากัมพูชาว่า
...พูดเขมรสุรินทร์ โอ้ผมไม่ใช่คนสุรินทร์ ผมเกลียดมากไอ้พวกคนสุรินทร์ มีปัญหากับเขมรที่ปราสาทตาเมือนธม ยิงไปเลยยิงให้สุรินทร์กระจายไปเลย คนสุรินทร์ตายหมด ผมสบายใจ ผมไม่ไว้ใจนิสัยไอ้พวกคนสุรินทร์ ผมไม่เอาไอ้พวกสุรินทร์ ตายหมดก็ดี
ผมไม่ใช่คนสุรินทร์ ใครคอมเม้นต์เกี่ยวกับสุรินทร์ผมบล็อคหมด ผมไม่ไว้ใจไอ้พวกคนสุรินทร์ ผมอยู่บุรีรัมย์ โอ้เขมรเข้ามาเยอะ ชื่ออะไรบ้างก็ไม่รู้ อ่านไม่ออก...
แถมยังมอบของสิ่งของช่วยเหลือทหารกัมพูชาอีก สร้างความไม่พอใจให้กับคนจังหวัดสุรินทร์และประชาชนในฝั่งไทยเป็นอย่างมากมาก มีการมาตามหาพระสุจที่วัดแต่ไม่พบเพราะเดินทางไปต่างประเทศ
จากนั้น 19 มิถุนายน 2568 ฝ่ายกัมพูชาทั้งฮุนเซนและฮุนมาเนตประกาศยินดีต้อนรับพระสุจให้อยู่ในกัมพูชา พร้อมเสนอสัญชาติให้ ตรงกับที่พระสุจประกาศว่าจะไม่กลับเข้ามาประเทศไทย
เท่าที่ทราบพระสุจได้รับการอวยยศ มียศ มีตำแหน่งและได้รับพาสปอร์ตจากกัมพูชาด้วย
ไหนว่าไม่ดูละครไทย
19 มิถุนายน 2568 ช่อง 3 ได้เริ่มละครเรื่องใหม่ “ใจขังเจ้า” ทำให้มีการปะทะกันบนโลกออนไลน์ ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าชุดที่ตัวละครสวมใส่และยันต์ เป็นของกัมพูชา การโต้เถียงกันนั้นทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ผู้นำกัมพูชาประกาศแบนละคร-ภาพยนตร์จากประเทศไทยไปก่อนหน้านี้ แล้วทำไมจึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในละครเรื่องดังกล่าว หรือเป็นชาวกัมพูชายังอยู่ในประเทศไทย หรือในฝั่งกัมพูชาก็ยังชมละครไทยได้อยู่
งัด“วัดภูม่านฟ้า”มาประฌาม
22 มิถุนายน 2568 ดร.เฟือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมของกัมพูชา ได้ออกมาประณามอย่างรุนแรงต่อการสร้างวัดภูม่านฟ้า ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าเป็นการเลียนแบบสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของนครวัด ละเมิดเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณด้านมรดกของเขมรอย่างร้ายแรง
เจ้าหน้าที่กัมพูชาถือว่าการลอกเลียนแบบสถาปัตยกรรมของนครวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นการละเมิดคุณค่าสากลและความถูกต้องแท้จริงของนครวัด
ทั้งนี้เมื่อปี 2564 กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ กัมพูชา ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบวัดภูม่านฟ้าแล้ว หลังจากนั้นได้ออกเอกสารแถลงข่าว ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 เรื่องการก่อสร้างปราสาทหินในจังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย
1. ปราสาทหินแห่งนี้เป็นหนึ่งในปราสาทหินหลายแห่งที่เป็นสถานที่สักการบูชาพระพุทธรูป ตั้งอยู่ในวัดพระพุทธบาทศิลา บ้านหนองบัวราย ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย โครงสร้างภายนอกทำด้วยหินทราย ส่วนภายในเป็นคอนกรีต
2. โดยการชี้แจงและนำเสนอเอกสาร แผนผัง และสิ่งก่อสร้าง เจ้าอาวาสวัดยืนยันว่าการก่อสร้างวัดแห่งนี้ไม่ได้ลอกเลียนแบบหรือก่อสร้างตามรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับนครวัดหรือวัดโบราณใดๆ ในกัมพูชา กล่าวคือ ก่อสร้างตามแบบของตนเองและออกแบบตามสถาปัตยกรรมของวัดบางแห่งในพื้นที่
3. ผู้แทนผู้ประสานงานโครงการก่อสร้างวัดยังยินดีรับคำขอจากผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมกัมพูชาให้เข้าไปตรวจสอบด้วยตนเองในกรณีที่มีข้อสงสัย
ไม่กล้าหือจีน-เบลเยี่ยม
เรื่องวัดภูม่านฟ้ายุติไปแล้ว แต่ปลุกขึ้นมาใหม่ในช่วงสถานการณ์ที่กำลังมีปัญหา ที่จริงแล้วจีนก็มีสิ่งปลูกสร้างที่ใกล้เคียงกับนครวัด ก่อสร้างขึ้นในเขตทางใต้ของเมืองหนานหนิง ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีน สร้างเลียนแบบมรดกโลกอันมีชื่อเสียงของกัมพูชา ที่เหมือนแม้กระทั่งรายละเอียดของบรรดารูปปั้นรูปสลัก รวมถึงสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ซึ่งทางทีมงานผู้ออกแบบได้เดินทางไปเก็บข้อมูลและรายละเอียดต่างๆถึงนครวัดที่เมืองเสียมเรียบเพื่อให้แน่ใจว่ารายละเอียดต่าง ๆ ถูกต้อง
อีกแห่งหนึ่งคือสวนสัตว์และสวนพฤษศาสตร์ Pairi Daiza ในประเทศเบลเยียม จำลองนครวัด-นครธม สิ่งก่อสร้างเหล่านี้เป็นส่วนจัดแสดงเสือสายพันธุ์ต่าง ๆ อยู่ในโซนสวนสัตว์ มีทั้งอาคารหินแกะสลัก, บาราย, ระเบียงทางเดิน และซุ้มประตูทางเข้ารูปปราสาทบายนที่ใหญ่โต เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 เป็นสถานที่เอกชน ตั้งอยู่ในเมืองบรูเกเลต มณฑลแอโน ประเทศเบลเยียม
ฮีโร“กุนขแมร์”กลับบราซิล
แหล่งข่าวกล่าวว่า กัมพูชาเคยให้สัญชาติกัมพูชากับนักมวยไทยชาวบราซิล อย่างติอาโก เตเซียรา มาก่อนแล้ว ช่วงนั้นกัมพูชากำลังเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ตามมาด้วยการเลือกตั้งในปี 2566 ติอาโก้ยอมย้ายจากเมืองไทยไปตั้งรกรากที่กัมพูชา ซีเกมส์ครั้งนั้นมีการตัดรายการมวยไทยออกแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นมวยกุนขแมร์
จนฝั่งไทยประท้วงด้วยการไม่ส่งนักกีฬาลงแข่ง องค์กรมวยไทยได้ปลดติอาโก และห้ามเข้าแข่งขันในรายการมวยไทย
ขณะนั้นทางกัมพูชาเสนอสัญชาติกัมพูชาให้ติอาโก เสนอแผนธุรกิจความร่วมมือในการเปิดยิมส์มวย และเปิดโอกาสติอาโกมีเวทีแสดงฝีมือ สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่เคยสัญญากันไว้
นอกจากนี้ยังมีปัญหากับสเรย์ จันทร โปรโมเตอร์มวยที่ใกล้ชิดกับฮุนเซน จนต้องแยกทางกัน
“เท่าที่ติอาโกได้ไปคือเงินที่มอบให้เป็นสินน้ำใจในช่วงแรกจากผู้นำของกัมพูชาและภาคธุรกิจบางส่วน ได้รับสัญชาติกัมพูชา ไม่มีการลงทุนเรื่องยิมส์ให้ ติอาโกต้องดิ้นรนหาสถานที่เอง แม้วันเปิดยิมจะแจ้งว่านายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีจะมาเป็นประธานเปิดงาน สุดท้ายก็เงียบ”
ช่วงก่อนเดินทางออกจากกัมพูชา ทางติอาโกประกาศขายเครื่องมือในการออกกำลังกาย จากนั้นอ้างว่าจะไปชกมวยกรงในรายการ UFC ในนามของกุนขแมร์ สุดท้ายบินกลับไปอยู่ที่เซาท์เปาโล บราซิล บ้านเกิด
แค่คิดก็ตื่นตูม
25 มิถุนายน 2568 Facebook “Wanchana Sawasdee” ของ พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย (ผอ.สน.ปร.มน) ได้ออกมาโพสต์ว่า ถึงประชาชนชาวกัมพูชา
ความเดือดร้อนที่ประชาชนกัมพูชาได้รับอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นผลมาจากการตัดสินใจของ รัฐบาลกัมพูชาทั้งสิ้น และที่สถานการณ์ล่วงเลยมาจนปัจจุบัน เหตุเพราะรัฐบาลกัมพูชาเริ่มก่อนทั้งนั้น ตั้งแต่สร้างสถานการณ์ เผาศาลาตรีมุข และ เอากำลังล้ำเขตแดนไทยที่ แนวต้นพญาสัตบรรณ จากนั้น ไทยไม่ได้เริ่มมาตรการอะไรก่อนเลย เพียงแค่คิดเบาๆเท่านั้น กัมพูชาก็เริ่มทำการตอบโต้ด้วยมาตรการที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนกัมพูชาเอง
ไทยคิดจะตัดไฟ กัมพูชาก็งดใช้ไฟก่อน กลับไปใช้ไฟที่ผลิตในประเทศที่ต้องติดๆดับ เรื่องไฟฟ้า ปัจจุบัน เขมรงดการใช้ไฟฟ้าเองจากไทยแล้วทั้ง 9 จุด (ตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟแล้วมีค่าเป็นศูนย์) ไทยยังคงปฏิบัติตามสัญญาเรื่องการจ่ายไฟระหว่างกันเหมือนเดิม ไม่ใช่เป็นการตัดไฟตามที่เขมรประกาศกร้าวไว้
ส่วนไทยมีมาตรการที่จะตัดไฟฟ้าหรือไม่นั้น ตอบได้ว่า มี ซึ่งเป็นมาตรการร่วมกันกับมาตรการอื่นๆ ที่จะออกตามมาตามสถานการณ์ โดยการอนุมัติตัดไฟนั้น ต้องมีมติสั่งการจาก สมช. ก่อน“
ไทยคิดจะตัดอินเตอร์เน็ต กัมพูชาก็งดใช้อินเตอร์เน็ตจากไทยเอง แถมมาด้วยเรื่องงดดูละครไทย งดใช้สินค้าไทย ( ที่ปัจจุบันยังเห็นคนเขมรข้ามมาตุนสินค้าไทยกลับไปอยู่) กัมพูชาแจ้งประชาชน งดมารักษาพยาบาลฝั่งไทย (มาเถอะ ไทยพร้อมช่วย ซึ่งกรณีฉุกเฉินไทยรับได้ตลอด ที่ผ่านมาก็มีให้เห็น) เรื่องนักเรียนที่ข้ามมาเรียน ไทยก็ยินดีเสมอสำหรับการศึกษา
เมื่อกองทัพอากาศไทยตรวจความพร้อมด้านอากาศยาน กัมพูชาออกมาบอกเลยว่า จะตบรางวัลทหารกัมพูชาที่ยิงเครื่องบินรบไทยได้
ไทยคิดว่าจะตัดน้ำมัน กัมพูชาก็งดนำเข้าจากไทยก่อน(ต่อไปก็ใช้น้ำมันแพง โดย ผ่านบริษัทผูกขาดในประเทศกัมพูชา) เมื่อไทยกำหนดเวลาเปิดเปิดด่าน กัมพูชาก็กำหนดเวลาให้เหลื่อมกัน สร้างความลำบากให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาตามชายแดน
ซ้ำ เพียงแค่ไทยคิดเบาๆ ผู้นำกัมพูชาก็เล่นใหญ่เกินเบอร์ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนกัมพูชาอย่างเลี่ยงไม่ได้“
เกรงพูดไม่หมด
แหล่งข่าวที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชากล่าวว่า “เขาพร้อมจะงัดทุกเรื่องขึ้นมาสร้างความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ถือว่าเป็นประเทศที่เกเรมาก ใครที่เคยคบอยู่ก็คงจะเห็นแล้วว่า เขาพร้อมหักหลังเพื่อผลประโยชน์ของตัวเขาและครอบครัวเขา”
แค่ฝั่งไทยมีข่าวปิดด่าน กัมพูชาสั่งปิดด่านทันที ฝั่งไทยมีความตัดอินเทอร์เนต กัมพูชาสั่งตัดอินเทอร์เนตจากไทยทันที ตัดไฟฟ้าจากไทยหลังมีข่าวไทยเตรียมตัดไฟ รวมถึงสินค้าพลังงานอย่างน้ำมัน กัมพูชาไม่นำเข้าน้ำมันจากไทยหันไปหาแหล่งทดแทนจากที่อื่น
พูดง่าย ๆ คือกัมพูชาทำก่อนที่ทางการไทยจะตัดสินใจ แต่ในระยะหลังรัฐบาลแพทองธารยกระดับกดดันกัมพูชามากขึ้น เช่น การปิดด่านในหลายจุด แต่ยอมเปิดให้ในกรณีเพื่อมนุษยธรรมและด้านการศึกษา
ลองพิจารณาดูดี ๆ ว่าสิ่งที่รัฐบาลกัมพูชาประกาศไว้นั้นจริงหรือไม่ บอกไม่ใช้ไฟฟ้าจากไทย 9 จุด แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมบอกว่ายังใช้ไฟจากไทยอยู่อีก 6 จุด เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทยจริงหรือไม่
แบนสินค้าจากไทย แต่ถ้าแรงงานคนใดกลับบ้านจะแจกข้าวสาร ไข่และมาม่า ส่วนจะเป็นมาม่าจริงหรือเป็นของชาติอื่นที่ใกล้เคียงกันก็แล้วแต่ แต่สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าไทยยังมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคในกัมพูชาอยู่
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j