ปลุกกระแสสังคมให้หันกลับมามองปัญหา “ขอทานข้ามชาติ” กันอีกครั้ง กับกรณี “ป้าพิการแขนด้วน” ป่วนด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังเจ้าหน้าที่ไทยไม่ยอมเปิดด่านให้ข้ามไปยังกัมพูชา เหตุเมื่อตรวจสอบประวัติพบ “ป้าตัวตึง” ลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย เข้ามาอาศัยแผ่นดินไทยทำมาหากินด้วยการนั่งขอทานกลางกรุงเทพฯ
สำหรับสถานการณ์ “ขอทานข้ามชาติ” นับเป็นปัญหาสังคมเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยเฉพาะกรณี “ขอทานกัมพูชา” ที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย เข้ามานั่งขอทานในพื้นที่เมือง ซึ่งขอทานกัมพูชาเหล่านี้ มีจำนวนสุดสูงในบรรดาขอทานข้ามชาติที่เข้ามานั่งขอทานหากินในเมืองไทย
ทั้งนี้ ด้วยเครือข่ายขอทานข้ามชาติเห็นช่องทางทำกินพื้นฐานนิสัยคนไทยใจดีและใจบุญ ทำให้ที่ผ่านมาขอทานอาชีพโกยรายได้รายวันเฉลี่ย 300 – 2,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านรูปลักษณ์ชวนให้สงสารเวทนาและด้านยุทธศาสตร์ทำเลนั่งขอทาน สร้างรายได้มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่แรงงานไทยตรากตรำทำงานเพื่อแลกเงินเสียอีก
กล่าวสำหรับ กรณี “ป้าขอทานเขมร” ทราบชื่อ “นางวัน” อายุ 45 ปี สัญชาติกัมพูชา พิการแขนขาดหนึ่งข้าง ตั้งตนเป็นแกนนำก่อเหตุวุ่นวายบริเวณด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังพยายามข้ามชายแดนจากประเทศไทยกลับไปสู่ประเทศกัมพูชา แต่ไม่สามารถแสดงเอกสารการเดินทางเข้าออกประเทศได้ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และทหารกองกำลังบูรพาหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ต้องดำเนินการควบคุมตัว
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทันทีที่ภาพป้าตัวตึงปรากฎเป็นข่าวแพร่สะพัดในโซเชียลฯ “ชาวเน็ตไทย” ก็ได้ตรวจสอบข้อมูลป้าแขนด้วนคนดังกล่าว กระทั่งพบว่า เป็นหนึ่งในขอทานชาวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายและประกอบอาชีพขอทานในเมืองไทย
“นางวัน” ยอมรับโดยให้การว่า เมื่อ 4 ปีก่อนเคยเป็นขอทานจริง แต่ปัจจุบันเลิกขอทานแล้ว โดยปัจจุบันประกอบอาชีพแม่บ้านที่ย่านบางกะปิ กรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม หลังจากจับกุมไปแล้วนั้น เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับ และผลักดันออกนอกประเทศทันที
ข้อมูลจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2557- 2567 ดำเนการจับกุมขอทานไปแล้วกว่า 7,000 ราย ซึ่ง 30% ของขอทานที่จับได้ คือ “ขอทานต่างด้าว” โดย พบ “ขอทานกัมพูชา” ครองลำดับสูงสุด และ “ขอทานเมียนมาร์” ในลำดับรองลงมา
ยกตัวอย่าง กรณีการจับกุมเครือข่ายขอทานกัมพูชาในเมืองพัทยา โดยพฤติการณ์มักอุ้มเด็กเล็กและให้เด็กๆ มานั่งเรียงแถว เรียกสงสารจากนักท่องเที่ยว โดยพบเด็กอายุ อายุ 3-10 ขวบ รวม 8 คน สร้างรายได้ 300 -500 บาทต่อคน/วัน มิหนำซ้ำ ยังพบบางคนลอบอยู่ไทยมานานนับสิบปีจนส่งเสียลูกให้เข้าโรงเรียนไทย
กรณีการจับกุมขอทานหญิงชาวกัมพูชา พฤติการณ์เรียกความสงสารหอบลูกน้อย 2 คนมานั่งขอทานหากินย่านสุขุมวิท ใจกลางกรุงเทพฯ ตรวจสอบพบทำเงินได้สูง 1,000-2,000 บาทต่อวัน ซึ่งเคยถูกส่งกลับประเทศไปแล้วรอบนึง แต่ลักลอบกลับมาขอทานอีกเพราะรายได้ดี
หรือกรณีเครือข่ายขอทานกัมพูชาย่านรามอินทรา ประกอบด้วยผู้ร่วมขบวนการนับสิบรายโดยเฉพาะคนแก่และคนพิการ พฤติการณ์มีคนขับรถส่งไปตามจุดยุทธศาสตร์ในกรุงเทพฯ สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ต่อวัน
ที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือ มีข้อมูลจาก “กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.)”เปิดเผยรายรับของขอทานอาชีพที่ปักหลักตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของไทยอาจจะสูงถึงกว่า 10,000 บาทต่อวันเลยทีเดียว
ขณะที่บทลงโทษ “ขอทานข้ามชาติ” ต้องโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เทียบกับตัวเลขรายรับเรียกได้ว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงคุ้มที่จะถูกจับ ไม่เพียงเท่านั้น หากทางการไทยดำเนินการจับกุม “ขอทานต่างด้าว” มักไม่ถูกจับขังคุกนาน ขั้นตอนหลังจับกุมจะดำเนินการเปรียบเทียบปรับ และส่งกลับประเทศต้นทางทันที
ข้อสังเกตุหนึ่ง สิ่งที่ทางการไทยดำเนินการคือ การจับกุมและเร่งผลักดันกลับประเทศต้นทาง โดยไม่สืบให้ลึกในรายละเอียดว่าขอทานรายนั้นๆ เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือทารุณกรรมเด็กหรือไม่อย่างไร ซึ่งจะมีฐานความผิดฐานอื่นๆ รับโทษหนักกว่า
นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแขหัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ที่เปิดเผยว่าสมันก่อนขอทานกัมพูชา จะเข้ามาโดยผ่าน “นายหน้า” ที่เป็น “คนกัมพูชา” แต่พออยู่ไทยมานานๆ หรือตั้งรกรากต่างงานกับคนไทย เริ่มช่ำชองก็พึ่งนายหน้าน้อยลง เพราะรู้ว่าต้องแอบเข้ามาทางไหน บวกกับยังมีญาติพี่น้อง หรือเครือข่ายขอทานจากหมู่บ้านเดียวกันอยู่ในไทย ยิ่งง่ายต่อการเข้ามาหากิน
ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มขอทานกัมพูชายังมีการปรับตัวปะปนอยู่ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว อาศัยตามแคมป์คนงานชาวกัมพูชาที่อยู่กันเป็นชุมชน ทำให้การเข้าทลายเครือข่ายขอทานกัมพูชาไม่ได้สามารถทำได้ง่าย
หนึ่งในจุดที่มีขอทานชาวกัมพูชาพักอาศัยมากที่สุด คือ ย่านสำโรง จ. สมุทรปราการ นับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า ป้ายรถประจำทาง ซึ่งสามารถเดินสายขอทานได้ตลอดแนวรถไฟฟ้ายาวไปจนถึง ซอยนานา ถ.สุขุมวิท กลางใจเมืองกรุงเทพฯ เลยทีเดียว
“ช่องโหว่ที่ทำให้ยังมีขอทานเขมรหน้าเดิมๆ กลุ่มที่ถูกผลักดันกลับประเทศแล้ว แต่หลบหนีเข้ามาได้ เพราะส่วนใหญ่มาจากชายแดนไทย-กัมพูชา ลักลอบเข้ามาช่องทางธรรมชาติ ซึ่งมีระยะทางยาวมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมด” นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ระบุ
นอกจากนี้ ปัญหาขอทานข้ามชาติที่เข้ามาแพร่ระบาดในเมืองไทย ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจ โดยเบื้องลึกมีการเรียกเก็บส่วยรายเดือนเพื่อให้ขอทานยังทำกินในพื้นที่ต่อไปได้ ซึ่งหัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ระบุถึงทางออกของขอทานข้ามชาติสั้นๆ ว่า เมื่อมานั่งขอทานแล้วมันไม่คุ้ม วันนั้นก็จะเป็นวันทีขอทานอาจจะลดลง
สำหรับความคืบหน้าการแก้ปัญหาขอทานของไทย ล่าสุด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เตรียมเสนอร่างกฎหมายฉบับใหม่ กำหนดโทษทางอาญาแก่ผู้ขอทานและผู้แสวงหาประโยชน์ เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในเดือนกันยายน 2568
นายนิกร จำนงประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบาย รมว.พม. เปิดเผยว่าประชุมกระทรวง พม. มีการพิจารณาข้อเสนอของคณะทำงานพัฒนา ปรับปรุง และแก้ไขกฎหมายเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ เรื่องการทบทวนและปรับปรุงพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 โดยผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว พบว่าการบังคับใช้กฎหมายไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน, การกำหนดบทกำหนดโทษตามกฎหมายปัจจุบันไม่ทำให้บุคคลที่ทำการขอทานและผู้แสวงหาประโยชน์จากการขอทานเกิดความเกรงกลัว และยังขาดกลไกสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมสนับสนุนบุคคลที่แสดงความสามารถ ดังนั้น
ทั้งนี้ การทบทวนและปรับปรุงพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. … มีหลักการ ดังนี้ กำหนดความผิดและกำหนดโทษทางอาญาแก่ผู้แสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ทำการขอทาน และบุคคลที่ทำการขอทาน, ให้อำนาจกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย, กำหนดแนวทางการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตบุคคลที่ทำการขอทาน และกำหนดมาตรการในการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาบุคคลที่แสดงความสามารถให้มีความเหมาะสม
ข้อมูลจาก กระทรวง พม. เปิดเผยว่าพื้นที่กรุงเทพฯ แหล่งเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ พบปัญหาขอทานมากที่สุด ในส่วนของการการแก้ปัญหา “ขอทานข้ามชาติ” ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะประชาชนทุกคน หากพบเห็นขอทาน ไม่ควรให้เงินด้วยความสงสาร เพราะขอทานผิดกฎหมาย คนไทยต้องช่วยกันหยุดการให้เงินขอทาน ซึ่งจะทำให้จำนวนขอทานในประเทศลดน้อยลงได้
สุดท้าย ชะตากรรมของ “ขอทานเขมร” ที่ลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย เข้ามานั่งขอทานหากินในเมืองไทย ในห้วงยามนี้ เตรียมตัว “ถูกจับ – ถูกปรับ” และ “ถูกผลักดัน” ส่งกลับประเทศ
ไม่เพียงเป็นความท้าทายของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาขอทานข้ามชาติ ยังเป็นโจทย์ข้อใหญ่ของทางการกัมพูชา เพราะน่าสนใจว่า ชาวกัมพูชา (บางคน) ต้องสิ้นหวังกับประเทศตนเพียงใด ถึงลอบเข้ามานั่งขอทานขอเงินคนไทยอย่างไร้ศักดิ์ศรี.