ฮุนเซนตอกทักษิณกับครอบครัวชินวัตร "คุณกล้าทรยศผมด้วยหรือ" ลั่นตัวเองไม่ได้ติดหนี้อะไรทักษิณ แต่ครอบครัวชินต่างหากที่ติดหนี้กัมพูชา ลั่นถ้ายังยั่วยุจะเปิดเผยความลับที่ทักษิณพูดทุกอย่าง รวมถึงการดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ด้วย อ้างต้องการความสัมพันธ์บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน
วันนี้ (27 มิ.ย.) นายฮุนเซน ประธานวุฒิสภาราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งได้เข้าร่วมมการประชุมกับสมาชิกสภาจังหวัด เมือง อำเภอ ตำบล และสังกัด ในจังหวัดพระวิหาร จากรายงานของ เว็บไซต์แขมร์ ไทมส์ (Khmer Times) ระบุเนื้อหาคำพูดของนายฮุนเซนว่า เขาได้ฝากข้อความไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวโดยมีรายละเอียดดังนี้
"ในคำปราศรัยที่เผ็ดร้อนซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ใกล้ชายแดนกัมพูชา-ไทย ประธานวุฒิสภาฮุนเซนได้ออกคำเตือนอย่างรุนแรงต่อนายทักษิณ และตระกูลชินวัตร ผู้มีอิทธิพลของไทย โดยขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งอาจรวมถึงคำพูดที่ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยด้วย" แขมร์ ไทมส์ระบุ และว่า
นายฮุนเซนได้กล่าวกับพลเรือนชาวกัมพูชาที่อพยพออกจากพื้นที่เนื่องจากความตึงเครียดล่าสุดบริเวณชายแดนจังหวัดพระวิหาร โดยแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อทักษิณและครอบครัวชินวัตร ซึ่งครั้งหนึ่งฮุนเซนเคยให้การสนับสนุน โดยระบุว่าแม้ในอดีต ตนเองจะเคยให้ความช่วยเหลือ แต่คนในตระกูลทักษิณกลับทรยศต่อกัมพูชาโดยทำให้ข้อพิพาทชายแดนทวีความรุนแรงขึ้นเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
“ความขัดแย้งทางการเมืองในกรุงเทพฯ ได้เปลี่ยนไปสู่ชายแดนกัมพูชา-ไทยแล้ว คุณต้องเข้าใจว่ากัมพูชาไม่ได้โง่เขลาถึงขนาดไม่รู้เรื่องรู้ราวของคุณ” เขากล่าว
นายฮุนเซนกล่าวต่อว่า ครอบครัวนายทักษิณนั้นเป็นคนทรยศ โดยกล่าวว่า “ถึงแม้คุณจะเปลี่ยนรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายอนุทิน ชาญวีรกูล - ผู้แปล) คุณก็ยังพยายามส่งข้อความถึงผม คนของคุณเองยังไม่เอาคุณ แต่คุณกล้าทรยศผมด้วยหรือ”
“ถ้าคุณยั่วยุผม ผมจะเปิดเผยทุกอย่างที่คุณพูดกับผม รวมทั้งการดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ของคุณเองด้วย” อดีตนายกฯ กัมพูชาระบุอย่างเผด็ร้อน
นอกจากนี้นายฮุนเซน ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ตัวเขาเองไม่มีหนี้ส่วนตัวกับทักษิณ แต่เป็นฝ่ายครอบครัวทักษิณที่ติดหนี้บุญคุณของตนเอง
“ผมไม่ได้เป็นฝ่ายติดหนี้บุญคุณต่อครอบครัวของคุณ แต่เป็นครอบครัวของคุณต่างหากที่ติดหนี้ผม ผมไม่ได้ต้องการให้มีการชดใช้ใด ๆ แต่สิ่งที่ผมต้องการคือ ความสัมพันธ์บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน”