ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯไม่สามารถทำลายศักยภาพทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน และแค่ทำให้พวกเขาถอยหลังกลับไปไม่กี่เดือนเท่านั้น ตามรายงานของรอยเตอร์อ้างอิงจากคำประเมินข่าวกรองหนึ่งของอเมริกา ในขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เป็นคนกลาง ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล เริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว
แหล่งข่าว 3 รายที่ใกล้ชิดกับประเด็นนี้ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์โดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม เน้นย้ำว่าข้อมูลนี้เป็นเพียงการประเมินในเบื้องต้น และการประเมินดังกล่าวตระเตรียมโดยสำนักงานข่าวกรองกลาโหมแห่งสหรัฐฯ
หนึ่งในแหล่งข่าวระบุว่าคลังยูเรเนียมเสริมสมรรถนะของอิหร่านไม่ได้ถูกกำจัด และในข้อเท็จจริงคือโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอาจถอยหลังกลับไปเพียงแค่ 1 หรือ 2 เดือน
คำประเมินนี้สวนทางกับคำกล่าวอ้างของทรัมป์ ที่ระบุเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าปฏิบัติการโจมตีประสบความสำเร็จในการทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และก่อคำถามเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติมของสหรัฐฯ หากว่าโครงการนนิวเคลียร์ของอิหร่านยังคงอยู่รอดจากการโจมตีทางอากาศอันหนักหน่วง
ทำเนียบขาวบอกว่ารายงานข่าวกรองนี้ไม่ถูกต้องโดยสิ้่นเชิง ขณะที่รัฐบาลทรัมป์บอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันอังคาร(24มิ.ย.) ว่าการโจมตีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่เล่นงานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน สามารถลดระดับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่มันเป็นถ้อยคำที่เบากว่าคำอวดอ้างก่อนหน้านี้ของทรัมป์ ที่เคยพูดว่าโรงงานนิวเคลียร์ทั้งหลายของอิหร่านถูกกำจัดแล้ว
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวในวันอังคาร(24มิ.ย.) ว่าสงคราม 12 วัน ที่อิสราเอลทำศึกกับอิหร่าน ได้ลบล้างภัยคุกคามนิวเคลียร์ทำลายล้าง และทำลายความมุ่งมั่นใดๆของอิหร่าน ที่พยายามรื้อฟื้นโครงการนิวเคลียร์
อิสราเอล เปิดฉากจู่โจมทางอากาศแบบน่าประหลาดใจเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน เล่นงานที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่าน บริเวณที่พวกเขาอ้างว่าเตหะรานพยายามพัฒนาระเบิดปรมาณู และสังหารเหล่าผู้บัญชาการทหารระดับสูงไปหลายนาย ในการโจมตีที่ก่อความความเสียหายครั้งใหญ่แก่อิหร่าน นับตั้งแต่สงครามอิรัก-อิหร่าน ในช่วงทศวรรษ 1980
อิหร่าน ยืนยันมาตลอดว่าโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของพวกเขา มีจุดประสงค์เพื่อสันติและไม่ได้กำลังพยายามสร้างอาวุธนิวเคลียร์ และพวกเขาตอบโต้ด้วยการยิงห่าขีปนาวุธเข้าใส่เมืองต่างๆของอิสราเอล
ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร(24มิ.ย.) ทั้ง อิหร่าน และ อิสราเอล ส่งสัญญาณว่าสงครามทางอากาศระหว่าง 2 ชาติได้ปิดฉากลงแล้ว อย่างน้อยๆก็สำหรับตอนนี้ หลังจาก ทรัมป์ ดุด่าพวกเขาต่อการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่เริ่มขึ้นตอน 05.00 จีเอ็มที(ตรงกับเมืองไทยเที่ยงวัน)
กองทัพอิสราเอลยกเลิกข้อจำกัดกิจกรรมต่างๆทั่วประเทศตอน 20.00น.(ตามเวลาท้องถิ่น) และเจ้าหน้าที่เผยว่าสนามบินเบนกูเรียน ท่าอากาศยานหลักของประเทศ ใกล้เทลอาวีฟ กลับมาเปิดบริการแล้ว เช่นเดียวกับอิหร่านที่กลับมาเปิดน่านฟ้าแล้วเช่นกัน
มาซูด เปเซชเคียน นายกรัฐมนตรีอิหร่านระบุว่าประเทศของเขาประสบความสำเร็จในการยุติสงครามในสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น "ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่" นอกจากนี้แล้วนายกรัฐมนตรีรายนี้ยังบอกกับมกุฏราชกุมารของซาอุดีอาระเบียว่าเตหะรานพร้อมคลี่คลายความเห็นต่างกับสหรัฐฯด้วย
ทั้ง อิสราเอล และ อิหร่าน ใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าจะออกมายอมรับว่าพวกเขาตอบรับข้อตกลงหยุดยิง แต่กล่าวหาอีกฝ่ายว่าละเมิดข้อตกลงดังกล่าว สถานการณ์ที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความเปราะบางในข้อตกลงระหว่าง 2 ชาติคู่อริ และบ่งชี้ถึงความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า สำหรับการบรรลุเป้าหมายสันติภาพที่ยั่งยินระหว่างทั้งคู่
ทรัมป์ ส่งเสียงดุด่าทั้ง 2 ชาติ แต่วิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดเจาะจงไปที่อิสราเอล โดยบอกกับพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯแห่งนี้ว่า "ให้สงบลงเดี๋ยวนี้" ก่อนต่อมาเผยว่าอิสราเอลยกเลิกการโจมตีเพิ่มเติมตามคำแนะนำของเขา
อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เผยว่าเขาได้บอกกับ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ว่าประเทศของเขาจะเคารพข้อตกลงหยุดยิงตราบใดที่อิหร่านไม่เป็นฝ่ายละเมิด เช่นเดียวกับเตหะรานที่บอกว่าพวกเขาจะยึดมั่นข้อตกลงหยุดยิง ตราบใดที่อิสราเอลยึดถือมันเช่นกัน
เจ้าหน้าที่อิหร่านเผยว่ามีผู้คน 610 ราย เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลและบาดเจ็บ 4,746 คน ส่วนปฏิบัติการทิ้งบอมบ์แก้แค้นของอิหร่าน ได้ปลิดชีพผู้คน 28 รายในอิสราเอล ถือเป็ฯครั้งแรกที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศของพวกเขาถูกเจาะทะลวงโดยขีปนาวุธจำนวนมากของอิหร่าน
(ที่มา:รอยเตอร์)