อิหร่าน แจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนยิงขีปนาวุธเข้าใส่ฐานทัพของอเมริกาในกาตาร์ในวันจันทร์(23มิ.ย.) ส่งผลให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บใดๆ ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่ามันเป็นการตอบโต้ที่แผ่วเบาต่อการโจมตีของสหรัฐฯ พร้อมเร่งเร้าอิหร่านและอิสราเอลร่วมกันสร้างสันติภาพ หลังจากความขัดแย้งระหว่าง 2 ชาติลากยาวเข้าสู่วันที่ 12 แล้ว
รอยเตอร์ระบุว่าการโจมตีฐานทัพอากาศอัล อูเดอิด ในกาตาร์ เสี่ยงโหมกระพือสถานการณ์อาจลุกลามบานปลายในความขัดแย้งหนึ่งๆที่เริ่มต้นขึ้นด้วยการที่อิสราเอลลงมือโจมตีอิหร่าน เล็งเป้าโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน
ก่อนหน้านี้อิหร่านขู่แก้แค้นสหรัฐฯ หลังเครื่องบินทิ้งระเบิดของอเมริกาทิ้งระเบิดบังเกอร์-บัสเตอร์น้ำหนัก 30,000 ตัน เล่นงานที่ตั้งนิวเคลียร์ใต้ดินของอิหร่านเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ในความเคลื่อนไหวเข้าร่วมอิสราเอลทำสงครามทางอากาศกับเตหะราน ขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็หยิบยกความเป็นไปได้ในการโค่นล้มรัฐบาลอิหร่าน
"เราไม่เคยจู่โจมใคร และเราจะไม่มีมันยอมรับการจู่โจมจากใครก็ตาม" อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวในถ้อยแถลง "เราจะไม่ยอมจำนนต่อการรุกรานของใคร นี่คือตรรกะของประเทศอิหร่าน"
อย่างไรก็ตามด้วยที่ อิหร่านแจ้งเตือนสหรัฐฯล่วงหน้าผ่านช่องทางด้านการทูต หลายชั่วโมงก่อนหน้าการโจมตี เช่นเดียวกับผ่านเจ้าหน้าที่กาตาร์ ทรัมป์จึงเชื่อว่ามันเป็นสัญญาณในทางบวก
"ผมอยากขอบคุณอิหร่าน ที่แจ้งเราล่วงหน้า ซึ่งทำให้ไม่มีความสูญเสียเกิดขึ้นและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล "บางทีเวลานี้อิหร่านอาจเดินหน้าสู่สันติภาพและความปรองดองในตะวันออกกลาง และผมจะกระตือรือร้นส่งเสริมให้อิสราเอลทำแบบเดียวกัน"
เขาเผยว่าอิหร่านยิงขีปนาวุธ 14 ลูกเข้าใส่ฐานทัพอากาศ ในสิ่งที่เรียกว่าเป็น "การตอบโต้ที่แผ่วเบามากๆ ตามที่เราคาดหมายไว้ แต่มันเป็นการตอบโต้ที่มีประสิทธิผล ผมยินดีต่อรายงานข่าวที่ว่าไม่มีชาวอเมริกาคนไหนได้รับอันตราย หรือมันก่อความเสียหายหนักๆใดๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ พวกเขาได้ระบายในสิ่งที่ต้องการแล้ว และหวังว่าจะไม่มีความเกลียดชังไปมากกว่านี้"
แนวทางการรับมือของอิหร่านต่อการถูกโจมตี ย้อนให้นึกถึงเหตุกระทบกระทั่งระหว่างพวกเขากับสหรัฐฯและอิสราเอลก่อนหน้านี้ ที่ทางเตหะรานหาทางรักษาสมดุลระหว่างการรักษาหน้าของตนเองกับการตอบโต้ทางทหารโดยปราศจากการโหมกระพือวงจรสถานการณ์ลุกลามบานปลายที่พวกเขาไม่อาจรับมือได้
อย่างไรก็ตามการโจมตีเอาคืนของอิหร่าน ยังก่อความตึงเครียดระหว่างพวกเขากับบรรดาชาติอาหรับ โดย กาตาร์ รุดออกมาประณาม เช่นเดียวกับ บาห์เรน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุดีอาระเบีย, คูเวตและอิรัก
"รัฐทั้ง 2 และประชาชนทั้ง 2 ชาติ(อิหร่าน-กาตาร์) มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุโจมตีจะโหมกระพือเสียงเรียกร้องให้มีการประชุมอย่างจริงจังและแสดงจุดยืนที่ชัดเจน" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ระบุในถ้อยแถลง
ในขณะที่อิหร่านโจมตีแก้แค้นสหรัฐฯ ทางอิสราเอลได้ทำการโจมตีเล่นงานเตหะราน ในระลอกที่ครอบคลุมที่สุดเท่าที่เคยลงมือมาในวันจันทร์(23มิ.ย.) เป้าหมายต่างๆเหล่านั้นรวมถึงเรือนจำแห่งหนึ่งในเตหะราน บริเวณที่พวกผู้นำอิหร่านใช้คุมขังฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ถือเป็นการแสดงออกถึงเจตนาโจมตีที่เกินกว่าเป้าหมายทางทหารและทางนิวเคลียร์ เช่นเดียวกับโจมตีเสาหลักของระบบปกครองของอิหร่าน
แม้คำขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซของอิหร่านเสี่ยงก่อปัญหาแก่การขนส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซีย แต่ราคาน้ำมันร่วงลง 7% ในวันจันทร์(23มิ.ย.) บ่งชี้ว่าพวกนักลงทุนสงสัยว่าเตหะรานจะทำตามคำขู่ใดๆหรือไม่
กาตาร์ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามอ่าวเปอร์เซียกับอิหร่าน กลับมาเปิดน่านฟ้าอีกรอบ หลังปิดไปช่วงสั้นๆ
มีรายงานว่ารัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านได้พบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในกรุงมอสโก ซึ่งเชื่อว่าเตหะรานกำลังหาแรงสนับสนุนจากหนึ่งในมหาอำนาจที่เป็นพันธมิตร สำหรับก้าวย่างถัดจากนี้
พลเมืองจำนวนมากของกรุงเตหะราน จากประชากรทั้งหมด 10 ล้านคน ได้หลบหนีออกจากเมืองหลวงแห่งนี้ หลังถูกทิ้งบอมบ์ต่อเนื่องมากว่า 10 วัน ในขณะที่สำนักข่าวทาสนิวส์รายงานว่าการโจมตีหนึ่งโดนสถานีป้อนไฟฟ้าในย่านอีวิน ส่งผลให้บางพื้นที่ของเมืองหลวงต้องประสบปัญหาไฟดับ
แม้รัฐบาลสหรัฐฯยืนกรานว่าเป้าหมายหนึ่งเดียวของพวกเขาก็คือการทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ไม่ใช่การเปิดศึกสงครามในวงกว้าง แต่บนข้อความที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ในวันอาทิตย์(22มิ.ย.) ทรัมป์ พูดถึงความเป็นไปได้ของการโค่นคณะผู้ปกครองสายแข็งกร้าวของอิหร่าน ซึ่งเป็นคู่อริสำคัญของวอชิงตันในตะวันออกกลาง มาตั้งแต่เหตุการณ์ปฏิวัติอิสลามในอิหร่านปี 1979
(ที่มา:รอยเตอร์)