ส.ว.ร้องศาล รธน.เชือดนายกฯ แพทองธาร! ชี้ผิดจริยธรรมรุนแรง ขอสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ด้าน รทสช. กดดันเปลี่ยนตัวนายกฯ หวั่นปัญหาจริยธรรมบานปลาย
การยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญของนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้วินิฉฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค3 ประกอบมาตรา 82ว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร.ชินวัตรนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดองเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา170วรรคหนึ่ง (4)ประกอบมาตรา160 (4)และ. (5) หรือไม่ ถือว่ามีความน่าสนใจพอสมควร โดยในคำร้องจำนวน 5 หน้า มีสาระสำคัญดังนี้
1.ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170วรรคหนึ่ง(4) ประกอบมาตรา160(4) และ(5) หรือไม่
2.ขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา82วรรคสอง พระราชบัญญัติประกอนรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561มาตรา71ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจวรณาคดี
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562ข้อ40(8)
3.รับทราบหรืออนุญาตให้คณะสมาชิกวุฒิสภา ผู้ร้องรวมจำนวน36 คนมอบให้ พลเอกสวัสดิ์ ทัศนาสมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้มีอำนาจยื่นคำร้องคำร้องเพิ่มเติมขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องหรือคำร้องเพิ่มเติม ยื่นบัญชีระบุพยานต่างๆยื่นคำร้อง คำแถลงการณ์เปิดและปิดคดี คำแถลงคำชี้แจงให้การให้ถ้อยคำหรือให้ถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นและเบิกความต่อศาล ดำเนินกระบวนพิจารณา หรือดำเนินการใด ๆ ทั้งปวง ในคดีนี้ต่อประธานวุฒิสภาและศาลรัฐธรรมนูญแทนคณะสมาชิกวุฒิสภาทุกคนจนเสร็จการ
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ระบุว่า มติของพรรครทสช.คือ ขอให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่เปลี่ยน เราก็ต้องลาออกเพราะนายกฯหมดคุณสมบัติที่จะเป็นแล้ว อยู่ไปก็คงยาก 2-3 เดือน ก็เต็มที่แล้ว เพราะขณะนี้กระแสไปเร็วมาก มติที่ผ่านมาเป็นอย่างนี้แต่หัวหน้าไม่อยากพูดเพราะท่านเป็นสุภาพบุรุษ ส่วนที่มีรายงานว่านายกฯจะขอลาออกหลังจากผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 นั้น ก็ไม่เป็นไรก็ค่อยมาคุยกัน แต่ตนคิดว่าคงไม่จำเป็นเพราะงบประมาณฯอีก 3 เดือนกว่าจะผ่าน ไม่จำเป็นหรอก
“ปัญหาคือจะอยู่ถึงหรือป่าวปัญหาเรื่องของจริยธรรมก็จะตามมาเป็นขบวนแล้วมันรอดยากแล้วทางการเมืองก็การเมืองไปแต่ในทางกฎหมายยิ่งไปกันใหญ่ เร็วกว่าการเมืองด้วย ผมกลัวว่าการเมืองยังไม่ทันจบ ทางกฎหมายจะไปก่อนแล้วอย่างนี้จบเลย”รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำ