ปากีสถานในวันเสาร์(21มิ.ย.) เปิดเผยว่าพวกเขาจะเสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จากการช่วยเหลือคลี่คลายความขัดแย้งเมื่อเร็วๆนี้ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน รางวัลที่เขาเคยแสดงความปรารถนาอย่างที่สุด
นักวิเคราะห์บางส่วนในปากีสถาน มองว่าความเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นความพยายามโน้มน้าวให้ทรัมป์ คิดทบทวนใหม่อีกรอบ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมกับอิสราเอลโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทั้งนี้ ปากีสถาน ประณามปฏิบัติการของอิสราเอล ว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและคุกคามเสถียรภาพในภูมิภาค
เมื่อเดือนพฤษภาคม ทรัมป์ สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการแถลงข้อตกลงหยุดยิง ที่นำพาความขัดแย้งระหว่าง อินเดีย กับ ปากีสถาน 2 ชาติติดอาวุธนิวเคลียร์ ที่ลากยาวกว่า 4 วัน ยุติลงอย่างฉับพลัน นับตั้งแต่นั้น ทรัมป์ อวดอ้างซ้ำๆว่าเขาช่วยหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ ปกป้องชีวิตผู้คนหลายราย และบ่นพึมพำว่าเขาไม่ได้รับความดีความชอบในเรื่องนี้เท่าไหร่
ปากีสถาน เห็นด้วยว่าการแทรกแซงทางการทูตของสหรัฐฯช่วยยุติการสู้รบ แต่อินเดียบอกว่ามันเป็นเพราะการตกลงทวิภาคีระหว่างกองทัพของทั้ง 2 ชาติมากกว่า
"ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงให้เห็นถึงการมองการไกลทางยุทธศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมและทักษะความสามารถอันโดดเด่นผ่านการเจรจาทางการทูตอย่างหนักแน่นกับทั้งอิสลามาบัดและนิวเดลี ซึ่งช่วยคลี่คลายความตึงเครียดของสถานการณ์ที่กำลังเสื่อมทรามลงอย่างรวดเร็ว" ปากีสถานระบุ "การยืนหยัดเข้าแทรกแซงนี้ เป็นเครื่องยืนยันบทบาทของเขาในฐานะผู้สร้างสันติภาพอัจฉริยะ"
รัฐบาลแต่ละชาติสามารถเสนอชื่อผู้เข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพได้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นยังไม่มีความเห็นมาจากทำเนียบขาว ส่วนทางโฆษกของรัฐบาลอินเดีย ก็ยังไม่ออกมาตอบคำถามของผู้สื่อข่าวเช่นกัน
ทรัมป์ เน้นย้ำว่าเขามีความตั้งใจเป็นคนกลางระหว่างอินเดียกับปากีสถาน เกี่ยวกับประเด็นพิพาทแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งเป็นต้นตอหลักในความเป็นศัตรูระหว่าง 2 ชาติ ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงยินดีจาก อิสลามาบัด ที่เรียกร้องมาช้านานขอให้นานาชาติหันมาสนใจกับข้อพิพาทแคชเมียร์
อย่างไรก็ตามท่าทีที่เปลี่ยนไปของ ทรัมป์ ในด้านนโยบายของสหรัฐฯในเอเชียใต้ ซึ่งเคยสนับสนุนอินเดีย ในฐานะเป็นตัวถ่วงดุลจีน ก่อคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เคยใกล้ชิดระหว่าง ทรัมป์ กับ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย
ในข้อความที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันศุกร์(20พ.ค.) ทรัมป์ กล่าวอ้างความขัดแย้งต่างๆยาวเหยียดที่เขาช่วยคลี่คลาย ในนั้นรวมถึงศึกระหว่างอินเดียกับปากีสถาน และข้อตกลงอับราฮัมครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งสมัยแรก ที่ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับบรรดาชาติที่มีมุสลิมเป็นคนกลุ่มใหญ่บางประเทศ "ผมคงไม่ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพหรอก ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม" ทรัมป์เขียนประชด
ความเคลื่อนไหวของปากีสถานในการเสนอชื่อ ทรัมป์ มีขึ้นในสัปดาห์เดียวกับที่ อาซิม มูนีร์ ผู้บัญชาการกองทัพปากีสถาน พบปะรับประทานอาหารกลางวันกับ ทรัมป์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของผู้นำทหารปากีสถานรายหนึ่งๆถูกเชิญไปยังทำเนียบขาว ทั้งที่รัฐบาลพลเรือนยังคงอยู่ในตำแหน่งในอิสลามาบัด
มูชาฮิด ฮุนเซน อดีตประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมของวุฒิสภา แห่งรัฐสภาปากีสถาน บ่งชี้ว่าการเสนอชื่อทรัมป์ สำหรับโนเบลสาขาสันติภาพ มีความชอบธรรม "ทรัมป์ทำเรื่องดีแก่ปากีสถาน" เขากล่าว "ถ้ามันเป็นการตอบสนองอัตตาของทรัมป์ ก็คงเป็นไปตามนั้น พวกผู้นำยุโรปทั้งหมดก็เคยประจบประแจงเขามาก่อน"
อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้รับเสียงชื่นชมในวงกว้างในปากีสถาน ในขณะที่ผู้คนในประเทศแห่งนี้รู้สึกขุ่นเคือง ทรัมป์ ต่อกรณีที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามในกาซา "พ่อบุุญทุ่มของอิสราเอลในกาซาและผู้นำเชียร์ในปฏิบัติการโจมตีอิหร่านของอิสราเอล ไม่ควรถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลไหนๆ" ทาลัค ฮุนเซน เจ้าของรายการทอล์คโชว์ทางการเมืองคนดังในปากีสถานกล่าว
(ที่มา:รอยเตอร์)