ทูลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ กลับลำบอกว่าอิหร่านอาจผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน การกลับที่มีขึ้นไม่นานหลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธคำประเมินของเธอที่ให้ข้อมูลกับสภาคองเกรสว่าเตหะรานไม่ได้กำลังสร้างอาวุธร้ายแรงชนิดนี้
ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯอ้างว่าการให้ปากคำกับสภาคองเกรสเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งเธอบอกว่าอิหร่านมีสต๊อกวัตถุนิวเคลียร์แต่ไม่ได้สร้างอาวุธนิวเคลียร์ เป็นการตีความที่ไม่ซื่อสัตย์ของสื่อมวลชน
ในข้อความที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ แกบบาร์ด บอกว่าข่าวกรองสหรัฐฯแสดงให้เห็นว่า "อิหร่านอยู่ในจุดที่สามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน ประธานาธิบดีทรัมป์พูดชัดว่ามันไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้ และฉันเห็นด้วย"
จุดยืนที่เปลี่ยนไปของ แกบบาร์ด มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ โวยว่าเธอ "คิดผิด" และอ้างข่าวกรองแสดงให้เห็นว่าอิหร่านมีวัตถุนิวเคลียร์ปริมาณมหาศาลและอาจมีอาวุธนิวเคลียร์ลูกหนึ่งๆภายในไม่กี่เดือน
ทรัมป์ ปฏิเสธไม่ยอมรับการประเมินของ แกบบาร์ด บอกว่า “ผมไม่สนว่าเธอพูดอะไร ผมเชื่อว่าพวกเขาใกล้จะมีหัวรบนิวเคลียร์แล้วแน่ๆ และสหรัฐฯจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้น” ความเคลื่อนไหวซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ ทรัมป์ ออกมาโต้แย้งข้อมูลของหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯเอง หลังเข้าบริหารประเทศในเทอมสอง
อิหร่าน ปฏิเสธมาตลอดว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขาเป็นโครงการเพื่อสันติล้วนๆ และไม่เคยเสาะหาหนทางพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
เมื่อวันพฤหัสบดี(19มิ.ย.) ทรัมป์ ขีดเส้นตายเตหะราน "2 สัปดาห์" ให้บรรลุข้อตกลงจำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์กับวอชิงตัน พร้อมขู่ว่าเขาจะตัดสินใจเร็วๆนี้ว่าจะไฟเขียวให้สหรัฐฯเข้าร่วมกับอิสราเอลในปฏิบัติการโจมตีอิหร่านหรือไม่
อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ระบุในตอนเช้าวันเสาร์(21มิ.ย.) ว่าประเทศของเขาพร้อมอย่างยิ่งสำหรับหาทางออกด้วยการเจรจาในโครงการนิวเคลียร์ แต่ "เตหะรานไม่สามารถเข้าสู่การเจรจากับสหรัฐฯ ครั้งที่ประชาชนของเรายังคงถูกทิ้งบอมบ์โจมตีอย่างหนัก"
ในปี 2015 อิหร่านเห็นพ้องในข้อตกลงระยะยาวในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขา กับบรรดาชาติมหาอำนาจของโลก ตามหลังความตึงเครียดที่เกิดขึ้นมานานหลายปี จากคำกล่าวหาว่าเตหะรานกำลังพยายามสร้างอาวุธนิวเคลียร์ แต่ต่อมาในปี 2018 สหรัฐฯภายใต้การนำของทรัมป์ ในสมัยแรก ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านดังกล่าว แล้วกลับมาคว่ำบาตรเล่นงานเตหะราน
อิหร่านเปิดเจรจากับสหรัฐฯอีกครั้งในปีนี้ เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขา และมีกำหนดหารือกันเพิ่มเติม ตอนที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านในวันที่ 13 มิถุนายน ซึ่งทาง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลบอกว่าเล็งเป้าเล่นงานใจกลางโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน "ถ้าไม่หยุดพวกเขา อิหร่านจะสามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ในระยะเวลาอันสั้น" เนทันยาฮูกล่าว
ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลทำลายที่ตั้งทางทหารและอาวุธของอิหร่าน เช่นเดียวกับปลิดชีพพวกผู้บัญชาการทหารระดับสูงและบรรดานักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์
กระทรวงสาธารณสุขอิหร่านเปิดเผยในวันเสาร์(21มิ.ย.) ว่าจนถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 430 ราย แต่ทางกลุ่มสิทธิมนุษยชน Human Rights Activists News Agency เชื่อว่าตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการน่าจะพุ่งเกิน 657 รายแล้ว
อิหร่านแก้แค้นด้วยการยิงขีนาวุธและใช้โดรนโจมตีใส่อิสราเอล สังหารผู้คนไป 25 ราย ในนั้นรวมถึง 1 รายที่เสียชีวิตจากอาการโรคหัวใจ
(ที่มา:บีบีซี)