ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยภาพ “ห้องทักษิณ” และ “ห้องยิ่งลักษณ์” ที่เคยให้พำนัก ซึ่งอุ๊งอิ๊งและสามีเคยขอเข้าชมห้องเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สะท้อนความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลกว่า 30 ปี ก่อนขาดสะบั้น อ้างถูกดูหมิ่นกล่าวหาไม่เป็นมืออาชีพ
วันนี้ (20 มิ.ย.) สำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพุชา รายงานว่า ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เปิดเผยกรณีพระสุช (Venerable Such) พระภิกษุชาวกัมพูชาที่เคยออกนอกประเทศกลับมายังกัมพูชาอีกครั้ง และกล่าวว่าเคยให้การสนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่การเมืองของไทยเกิดความวุ่นวาย โดยระบุว่าบ้านพักของเขาในเมืองตาขเมา จังหวัดกันดาล มีห้องสองห้องที่เตรียมไว้เป็นพิเศษเพื่อรองรับอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสอง เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเดินทางมาเยือนกัมพูชา
ฮุน เซน โพสต์ข้อความ ความว่า “ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีอย่างสุดซึ้งต่อพระสุช ซึ่งได้รับการต้อนรับจากนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ให้พำนักอยู่ในกัมพูชา
ข้าพเจ้าขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต และรัฐบาลกัมพูชาสำหรับความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่มีต่อพระสุช นอกจากนี้ ข้าพเจ้าหวังว่านายกรัฐมนตรีจะยื่นคำร้องต่อพระมหากษัตริย์เพื่อพระราชทานสัญชาติกัมพูชาแก่พระสุช เพื่อที่ท่านจะได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพลเมืองกัมพูชา
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่ากรณีของพระสุช จะไม่ก่อให้เกิดการหยุดชะงักในความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทย หรือถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้พระสุชก่อความเคลื่อนไหวใดๆ เพื่อต่อต้านประเทศไทยเช่นกัน
นอกจากนี้ กรณีของพระสุชก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ทั้งข้าพเจ้าและรัฐบาลกัมพูชาต่างให้การสนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นบิดาและป้าของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทย
ในระหว่างการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีไทยในเดือนเมษายน 2568 นอกจากวาระอย่างเป็นทางการแล้ว เรายังมีงานเลี้ยงสังสรรค์ของครอบครัว ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทย อุ๊งอิ๊งค์ และสามีของเธอได้รับประทานอาหารค่ำที่บ้านพักของฉัน
ก่อนออกเดินทาง นายกรัฐมนตรีไทยได้ขอเข้าชมห้องที่พ่อและป้าของเธอเคยพัก บ้านของฉันได้สงวนห้องไว้ให้พวกเขาสองห้อง ห้องหนึ่งมีชื่อว่า “ห้องทักษิณ” และอีกห้องหนึ่งชื่อว่า “ห้องยิ่งลักษณ์” สามีของนายกรัฐมนตรีไทย (นายปิฎก สุขสวัสดิ์) ได้ถ่ายภาพและวิดีโอทั้งสองห้อง
สายสัมพันธ์ที่จริงใจระหว่างเราสองครอบครัวมานานกว่า 30 ปี ถูกทำลายลงด้วยการรั่วไหลของการสนทนาทางโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่กัมพูชา ซึ่งโกรธเคืองกับการดูหมิ่นฉันและนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยอ้างว่าเราไม่เป็นมืออาชีพ”