แพทองธารเผชิญแรงกดดัน! ฝ่ายค้าน-สว. ร้องยุบสภา-ลาออก รับผิดชอบคลิปเสียงหลุดคุยฮุนเซน หวั่นทหารรัฐประหาร อนุทินยันขึ้นอยู่กับนายกฯ ชี้ให้ประชาชนตัดสิน
จากกรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตผู้นำกัมพูชา ส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในประเทศนั้น ส่วนหนึ่งมีการมองว่าแม้จะเป็นการเสียมารยาททางการทูตก็จริง แต่ถ้อยคำของนายกฯในการสนทนา โดยเฉพาะการพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 และการมุ่งเน้นถึงการรักษาอำนาจทางการเมืองของตัวเองเป็นสำคัญ ทำให้เกิดข้อเรียกร้องให้นายกฯรับผิดชอบกับเรื่องดังกล่าวทั้งการลาออกหรือยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ หัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สิ่งที่ไม่ควรออกจากปากผู้นำไทย คือการสื่อสารกับผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านว่ากองทัพไทยเป็นฝ่ายตรงข้าม ทั้งกับรัฐบาลไทย และกัมพูชา และตนเอง ไม่อยากเห็นฝ่ายใดฉวยโอกาสนี้ไปทำให้กองทัพมีอำนาจเหนือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รวมทั้งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยวิถีทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย บทสนทนาที่ปรากฏในคลิปเสียง กลับยิ่งทำลายความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของประชาชนต่อนายกฯ ของพวกเขาลงอย่างสิ้นเชิง
"หากนายกฯ ไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของประชาชนไทยให้กลับมาได้โดยเร็ว ขอเรียกร้องให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยด้วยการยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชน" นายณัฐพงษ์ ระบุ
สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มพันธุ์ใหม่ นำโดยน.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. พร้อมด้วยสมาชิกสว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ แถลงว่า ขอร้องและวิงวอนไปยังฝ่ายความมั่นคงว่าให้ทำหน้าที่ในเรื่องของการรักษาดินแดนของประเทศไทย แต่อย่าใช้เป็นเงื่อนไขมายึดอำนาจ เพราะประชาชนไม่ต้องการการแม้เราต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เราต้องการรัฐธรรมนูญที่ผ่านกระบวนการทางรัฐสภาให้เป็นฉบับของประชาชน เราไม่ต้องการให้มีการฉีกรัฐธรรมนูญทุกอย่างในประเทศไทยต้องเป็นไปตามกลไกในระบอบประชาธิปไตย ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลให้เปลี่ยนแปลงตามกลไกของรัฐสภา ไม่ใช้อำนาจนอกระบบและปฏิเสธการยึดอำนาจทุกรูปแบบ
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แสดงความคิดเห็นว่า การจะยุบสภาหรือไม่เป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ถ้ามันเป็นทางออกว่าจะยุบก็ยุบ สิ่งที่ดีที่สุดคือให้พี่น้องประชาชนได้ตัดสินใจ ทั้งนี้ ในความเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตนทำเรื่องนี้มาตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนกับรัฐมนตรีมหาดไทยกัมพูชา ก็มีสัญญาสุภาพบุรุษซึ่งกันและกัน ว่าประชาชนของทั้งสองประเทศจะต้องมีความปลอดภัย ซึ่งก็มีการพูดคุยกันอยู่ตลอด เพื่อให้เกิดความสบายใจ